Page 1 of 1

5 เทคโนโลยีเด่นเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทันที

Posted: 01 Jul 2014, 10:21
by brid.siriwan
5 เทคโนโลยีเด่นเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทันที

เวลาเราพูดถึงเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพ และการต่อยอดพัฒนาธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเสมอคือการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้พัฒนาขั้นตอนการทำงาน ในสถาบันการวิจัยต่างๆ ก็มีคำแนะนำถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องการสร้างความรวดเร็วและลดค่าใช้จ่าย

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่นับรวมขั้นตอนของการพัฒนากระบวนการผลิตแล้ว การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการบริหารธุรกิจ SMEs ในบ้านเรายังมีน้อยกว่าที่ควร โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กในต่างจังหวัด ซึ่งนอกเหนือจากเหตุผลหลัก คือความไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของเจ้าของกิจการแล้ว ยังมีเรื่องของมูลค่าการลงทุนที่ถูกมองว่าต้องมีมูลค่าสูงและการลงทุนในเทคโนโลยีเป็นการลงทุนที่ให้ผลในระยะยาวเท่านั้น

ในสัปดาห์นี้ผมจึงขอนำเสนอ 5 เทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ได้แทบจะในทุกๆ ธุรกิจ SMEs รวมทั้งเข้าใจง่ายและเห็นผลในการเพิ่มประสิทธิภาพหรือความคล่องตัวในการทำงานทันทีครับ

คลาวด์ ไดร์ฟ (Cloud Drive)

พื้นที่สำหรับเก็บและแชร์ไฟล์บนระบบคลาวด์คือหนึ่งในเครื่องมือที่ผมพบว่าสามารถนำมาใช้สร้างประสิทธิภาพในการทำงานได้ทันที ในธุรกิจ SMEs ที่ต้องทำงานเป็นทีมซึ่งต้องมีการส่งต่อไฟล์ข้อมูลให้แก่กัน รวมทั้งวิถีชีวิตในปัจจุบันที่เราต้องเดินทางและทำงานหลายพื้นที่บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มากกว่า 1 ชนิด การส่งไฟล์ให้กันทางอีเมล์หรือการบรรจุใส่ USB Drive ให้กันทำได้ไม่สะดวกนักและมีข้อจำกัดในบางเรื่องอย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในไฟล์หรือขนาดของไฟล์ การหันมาใช้บริการคลาวด์ไดร์ฟนอกจากจะแก้ปัญหาการส่งไฟล์ต่อให้กันแล้ว ยังตอบโจทย์เรื่องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเนื้อหาในไฟล์อีกด้วย

ในปัจจุบันเรามีทางเลือกที่หลากหลายในส่วนของผู้ให้บริการคลาวด์ไดร์ฟ ทั้งกูเกิล ไมโครซอฟท์ และแอปเปิล รวมถึงผู้ให้บริการรายย่อยเช่นดร็อปบ็อกซ์ (DropBox) ได้แข่งขันกันด้านราคาอย่างเต็มที่และยังมีการเปิดให้ใช้บริการพื้นฐานฟรี เพื่อให้ผู้สนใจทดลองใช้งานสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย คลาวด์ไดร์ฟจึงเป็นเทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการ SMEs ควรเริ่มหันมาพิจารณาลองใช้ครับ

เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันออนไลน์ (Collaboration Tools)

นอกจากคลาวด์ไดร์ฟแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่อำนวยความสะดวกในการทำงานได้อย่างมหาศาลคือการใช้บริการซอฟต์แวร์ออนไลน์ต่างๆ อย่างเช่นโปรแกรมจัดการเอกสารต่างๆ (spread sheet) หรือโปรแกรมสำหรับนัดหมายจัดตารางปฏิทิน ซึ่งในอดีตลิขสิทธิ์การใช้งานซอฟต์แวร์เหล่านี้มักมีราคาสูง แต่หลายปีที่มานี้ได้มีการพัฒนาโปรแกรมเหล่านั้นสามารถใช้งานได้บนระบบออนไลน์ เช่นบริการกูเกิล แอพส์ (Google Apps) ซึ่งมีลูกเล่นฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน สิ่งที่เราต้องมีคือการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ที่สำคัญคือการให้บริการเหล่านี้ในปัจจุบันมีราคาเริ่มต้นใช้งานที่ต่ำ และโดยมากยังมีการเปิดให้ใช้บริการแบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

Virtual Conference / Video Call

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยในการสื่อสารบนโลกยุคปัจจุบันคือบริการประชุมผ่านระบบออนไลน์ หรือการประชุมในรูปแบบวิดีโอ (Video Conference) ด้วยการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้มีคุณภาพดีขึ้น ทำให้การสนทนาที่ส่งทั้งภาพและเสียงนั้นสามารถทำได้โดยง่าย ผ่านซอฟต์แวร์หรือบริการออนไลน์เช่น สไกป์ (Skype), กูเกิล แฮงเอาต์ (Google Hangout) หรือแอปเปิล ไอแชต (Apple iChat)

โดยเทคโนโลยีนี้ส่วนมากสามารถใช้งานในแบบพื้นฐานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน เหมาะกับธุรกิจที่มีมากกว่า 2 สาขาขึ้นไป เพราะการสื่อสารที่ชัดเจนและมีความสมบูรณ์ทั้งภาพและเสียงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้บริการ Video Conference นั้นถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในภาคธุรกิจทั่วโลก

กล้องวงจรปิด CCTV

กล้องวงจรปิดได้กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้วในปัจจุบัน เมื่อเศรษฐกิจฝืดเคืองก่อให้เกิดพวกลักขโมยมีมากขึ้น ซึ่งนอกจากเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดในปัจจุบันถูกพัฒนาไปมากกว่าแค่ดูข้อมูลย้อนหลัง แต่สามารถดูผ่านอินเทอร์เน็ตรวมทั้งระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่บนสมาร์ทโฟนแบบ Real Time ได้ทันที ทำให้เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดถูกนำไปใช้ในการสังเกตการณ์ในแต่ละร้านสาขาได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการค้าปลีกที่สามารถมองเห็นสภาพร้านในทุกๆ สาขาได้พร้อมกัน ทำให้สามารถจัดสรรกำลังคนหรือส่งความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไปช่วยแต่ละสาขาได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องเดินทางไปดูด้วยตนเอง

แม้ว่าในปัจจุบันราคาของกล้องวงจรปิดปรับตัวลงอย่างมาก ผู้ประกอบการจึงสามารถหามาติดตั้งใช้งานได้ในราคาย่อมเยา แต่สิ่งที่มักเป็นปัญหาคือเรื่องของการบริการและซ่อมบำรุงจากผู้ขายที่มีมาตรฐานในการให้บริการ

สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)

สุดท้ายนี้คือช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่นเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม ที่กำลังถูกนำมาใช้เป็นช่องทางการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้ากันอย่างแพร่หลาย ณ วันนี้ประเทศไทยมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กอยู่ประมาณ 26 ล้านบัญชี ซึ่งธุรกิจ SMEs สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเท่าสื่อดั้งเดิมเช่นสื่อสิ่งพิมพ์หรือโฆษณาทางโทรทัศน์ แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนธุรกิจ SMEs ที่ทำการตลาดผ่านช่องทางนี้ก็ยังมีน้อย เมื่อเทียบกับจำนวนธุรกิจทั้งหมด

ทั้ง 5 เทคโนโลยีที่ได้นำเสนอนี้คือตัวอย่างเทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้ทันที โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายหรือมีค่าใช้จ่ายน้อย สิ่งที่ผู้ประกอบการอาจจะต้องลงทุนมากที่สุดคือเรื่องของการเรียนรู้ ผลักดันและประยุกต์เทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้ในธุรกิจเท่านั้นเองครับ

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 27 มิ.ย. 2557