Page 1 of 1

สั่งทำแผนพัฒนาด่านชายแดนทั่วประเทศ

Posted: 09 Jul 2014, 09:32
by brid.siriwan
สั่งทำแผนพัฒนาด่านชายแดนทั่วประเทศ

คสช.สั่งด่วน ให้สภาพัฒน์เร่งทำแผนพัฒนาด่านชายแดนทั่วประเทศ สอดรับเออีซี หวังเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ได้ย้ำมากให้เร่งแก้ปัญหาเรื่องของการพัฒนาด่านการค้าชายแดนทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและอำนวยความสะดวกในการทำการค้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะที่ด่านสะเดา จ.สงขลา ที่พบว่ามีการจราจรแออัดมาก ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนานอังคาร 8 กรกฎาคม 2557 เวลา 19:04 น.
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปเร่งดำเนินการ โดยกำหนดแผนและมาตรการให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด หากเป็นไปได้ต้องการให้ปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายในปี 58 เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า หัวหน้าคสช.ย้ำว่าในการพัฒนาด่านการค้าชายแดน จำเป็นต้องรองรับทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ, สังคม-วัฒนธรรม และความมั่นคง-การเมือง ตามความร่วมมือของอาเซียน ซึ่งต้องดำเนินการให้รอบคอบ และมอบหมายให้ สศช. จัดทำแผนพัฒนาด่านการค้าชายแดนร่วมกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ ให้ชัดเจน ทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว

ปัจจุบันด่านการค้าชายแดนทั่วประเทศ มีทั้งหมด 94 ด่าน ใน 31 จังหวัด แต่ด่านที่มีศักยภาพและมีมูลค่าการค้ามากที่สุดมี 5 ด่านคือ ด่านสะเดา,ด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา,ด่านแม่สอด จ.ตาก,ด่านปอยเปต จ.สระแก้ว และด่านผ่านแดนหาดเล็ก คลองใหญ่ จ.ตราด รวมไปถึงการจัดทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ 12 เขตที่มีความเป็นไปได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านให้มากขึ้น

“ด่านสะเดา จ.สงขลา ในเวลานี้ถือว่ามีมูลค่าการค้าชายแดนมากที่สุด ขณะที่ด่านปาดังฯ นั้น เป็นด่านที่เตรียมพร้อมรองรับการเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า โดยเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟ กับประเทศมาเลเซียไปยังประเทศอาเซียน ส่วนด่านแม่สอด จ.ตาก เป็นด่านที่มีมูลค่าการค้าเป็นอับดับ 2 กับประเทศเมียนมาร์ หากไม่นับด่านสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่มีการซื้อขายก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น"

โดยหลักการในการพัฒนาด่านนั้น จะเน้นในเรื่องของการปรับปรุงการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน เพื่อเพิ่มการค้าการลงทุน รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การสร้างการเติบโตร่วมกับกลุ่มอาเซียน ซึ่งขณะนี้การส่งออกไปยังอาเซียนนั้นมีมูลค่าถึง 25% ที่สำคัญยังต้องพัฒนาระบบการตรวจปล่อยสินค้า และคนบริเวณด่านการค้าชายแดนให้รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 8 กรกฎาคม 2557