สพฐ.สั่งทบทวนเพิ่มทักษะชีวิตแก่เด็ก
Posted: 10 Jul 2014, 16:46
สพฐ.สั่งทบทวนเพิ่มทักษะชีวิตแก่เด็ก
“กมล” สั่งหารูรั่วสอนทักษะชีวิต-การป้องกันตัว จี้ตำรวจอย่าละเลยคดี แนะร.ฟ.ท.ควรมีระบบดูแลเด็กเช่นเดียวกับเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัย
วันนี้ (10 ก.ค.) ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงกรณีเด็กวัย 13 ปี เสียชีวิตจากการถูกข่มขืนบนรถไฟว่า ตนได้ประสานผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)เขต 3 นนทบุรี และพระนครศรีอยุธยา ให้ลงไปดูแลที่โรงเรียน และได้มีการช่วยเหลือเงินตามระเบียบสวัสดิการช่วยเหลือนักเรียน เงินช่วยเหลือของโรงเรียน และสพม.เขต 3 ด้วย ทั้งนี้ยังได้ขอให้มีการประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีนี้อย่าได้ละเลย อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้หารือกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว เห็นว่า สพฐ.ต้องทบทวนเรื่องการดูแลช่วยเหลือนักเรียน การให้ความรู้นักเรียนในการมีทักษะชีวิต ซึ่งปัญหาของนักเรียนจะเกิดสองส่วนคือ ภายในโรงเรียน เช่น ตกตึก ตกน้ำ ทะเลาะวิวาท เป็นต้น ก็จะสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ปัญหาที่เกิดนอกโรงเรียน ซึ่งเดิมจะเน้นป้องกันเรื่อง การพนัน ยาเสพติด การทะเลาะวิวาท การป้องกันภัยจากบุคคล ทางโรงเรียนก็พยายามให้ความรู้เด็กไป แต่บางสถานการณ์อย่างกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นภัยที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และปกติเวลาเด็กขึ้นรถไฟครูก็จะสอนว่าระวังตกรถไฟ อย่ายื่นแขนขา ให้นั่งอยู่กับที่ ดังนั้น สพฐ.ต้องมาทบทวนว่าจะมีองค์ความรู้อะไรบ้างที่ต้องเสริมให้กับเด็กเพิ่มเติม
“ปกติเวลาเด็กเดินทางคนเดียว หรือเดินทางกันเอง หากเป็นเครื่องบินจะมีระบบดูแลเด็ก โดยมีพนักงานดูแลจนส่งถึงมือผู้ปกครอง ผมจึงคิดว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ควรมีระบบดูแลเด็กเช่นเดียวกัน เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่การรถไฟฯสามารถทำได้” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่10 กรกฎาคม 2557
“กมล” สั่งหารูรั่วสอนทักษะชีวิต-การป้องกันตัว จี้ตำรวจอย่าละเลยคดี แนะร.ฟ.ท.ควรมีระบบดูแลเด็กเช่นเดียวกับเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัย
วันนี้ (10 ก.ค.) ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงกรณีเด็กวัย 13 ปี เสียชีวิตจากการถูกข่มขืนบนรถไฟว่า ตนได้ประสานผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)เขต 3 นนทบุรี และพระนครศรีอยุธยา ให้ลงไปดูแลที่โรงเรียน และได้มีการช่วยเหลือเงินตามระเบียบสวัสดิการช่วยเหลือนักเรียน เงินช่วยเหลือของโรงเรียน และสพม.เขต 3 ด้วย ทั้งนี้ยังได้ขอให้มีการประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีนี้อย่าได้ละเลย อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้หารือกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว เห็นว่า สพฐ.ต้องทบทวนเรื่องการดูแลช่วยเหลือนักเรียน การให้ความรู้นักเรียนในการมีทักษะชีวิต ซึ่งปัญหาของนักเรียนจะเกิดสองส่วนคือ ภายในโรงเรียน เช่น ตกตึก ตกน้ำ ทะเลาะวิวาท เป็นต้น ก็จะสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ปัญหาที่เกิดนอกโรงเรียน ซึ่งเดิมจะเน้นป้องกันเรื่อง การพนัน ยาเสพติด การทะเลาะวิวาท การป้องกันภัยจากบุคคล ทางโรงเรียนก็พยายามให้ความรู้เด็กไป แต่บางสถานการณ์อย่างกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นภัยที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และปกติเวลาเด็กขึ้นรถไฟครูก็จะสอนว่าระวังตกรถไฟ อย่ายื่นแขนขา ให้นั่งอยู่กับที่ ดังนั้น สพฐ.ต้องมาทบทวนว่าจะมีองค์ความรู้อะไรบ้างที่ต้องเสริมให้กับเด็กเพิ่มเติม
“ปกติเวลาเด็กเดินทางคนเดียว หรือเดินทางกันเอง หากเป็นเครื่องบินจะมีระบบดูแลเด็ก โดยมีพนักงานดูแลจนส่งถึงมือผู้ปกครอง ผมจึงคิดว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ควรมีระบบดูแลเด็กเช่นเดียวกัน เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่การรถไฟฯสามารถทำได้” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่10 กรกฎาคม 2557