Page 1 of 1

เจาะโบกี้รถไฟไทย! เปิดปมกอดเก้าอี้ ขุมหนี้แสนล้าน คดีบาปเพีย

Posted: 15 Jul 2014, 09:19
by brid.siriwan
เจาะโบกี้รถไฟไทย! เปิดปมกอดเก้าอี้ ขุมหนี้แสนล้าน คดีบาปเพียบ


“ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง...” คำพูดติดปาก สโลแกนติดหูแห่งรถไฟไทย บัดนี้ ประโยคดังกล่าว กลับกลายเป็นเครื่องสะท้อนการทำงานของการรถไฟฯ ได้อย่างแจ่มชัด...

การเดินทางด้วยรถไฟ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเหล่าประชาชนที่ถวิลหาความปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การเดินทางด้วยรถไฟ จะเป็นคำตอบที่สนองโจทย์ข้างต้นได้ดีที่สุด หากเพราะเราอาจจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงรถไฟตกรางเฉลี่ยปีละกว่า 100 ครั้ง มิหนำซ้ำ ยังต้องเสี่ยงที่จะพบเจอกับเหตุการณ์ลักทรัพย์ คนเมาสุรา การละเมิดทางเพศ รวมถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ นานาอีกด้วย

“ไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิต” “ป่าช้าเคลื่อนที่” สารพัดชื่อที่ใช้ขนานนาม รถไฟไทย หากเพราะ ขนส่งสาธารณะดังกล่าวนั้น อยู่คู่กับคนไทยมายาวนานถึง 117 ปี แต่การพัฒนากลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่วินาทีนี้รถไฟแห่งผองไทยควรจะทำกำไร สร้างความประทับใจต่อผู้โดยสารได้อย่างเปี่ยมล้น เพื่โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 ก.ค. 2557 06:00
อให้สมกับระบบขนส่งมวลชนและขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
รถไฟ ระบบขนส่งสาธารณะที่ไปถึงทั่วทิศทั่วไทย

นับสถิติเหตุร้าย คดีบาปบนรถไฟ!

ใครเล่าจะรู้ว่า ในช่วงเดือน ตุลาคม 2556-มีนาคม 2557 นั้น มีคดีที่เกิดขึ้นบนรถไฟจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นชิงทรัพย์ 3 คดี ลักทรัพย์ 19 คดี ยาเสพติด 32 คดี พกอาวุธปืน 4 คดี ทำร้ายร่างกาย 7 คดี เมาสุรา 3 คดี คนหนีเข้าเมือง 104 คดี

ล่าสุดกับคดีฆ่าข่มขืน เด็กหญิงวัย 13 ปี บนรถไฟสาย 174 ขบวนสุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ โดยนายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี ลูกจ้างเฉพาะงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ก่อนโยนศพทิ้งออกจากหน้าต่างรถไฟ ขณะรถไฟวิ่งผ่านสถานีวังก์พง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อคืนวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ตำรวจคุมตัวนายวันชัย แสงขาว ผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 13 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

กระนั้น นายวันชัย ไอ้หื่นฆ่าข่มขืน ยังได้สารภาพอีกว่า เคยข่มขืนพนักงานสาวการรถไฟฯ มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ได้ฆ่า แต่ไม่มีข่าวและไม่มีคดี เนื่องมาจากผู้เสียหาย 2 รายเกิดความอับอายไม่กล้าแจ้งความ จึงย่ามใจก่อเหตุซ้ำ อีกทั้งยังมีคดีข่มขืนหญิงสาวปริญญาโทบนตู้นอน บนขบวนรถไฟสายใต้ เมื่อปี 2544 ซึ่งเจ้าทุกข์ยังไม่ได้รับการชดเชยจากการรถไฟฯตามที่ศาลตัดสิน และปี 2553 เกิดเหตุลวนลามผู้โดยสาร โดยพนักงานรถไฟ

ใครเล่าจะรู้อีกว่า นอกเหนือจากที่ถูกจับได้ โดนจับกุม ถูกคุมตัวดำเนินคดีในข้างต้นนั้น จะมีอีกสักกี่ร้อยคดี กี่พันเหตุร้าย ที่ไร้ซึ่งผู้รับทราบ จนหนุนนำให้เหล่าคนร้ายลอยนวล ลอยหน้าอย่างไร้ความผิด...
ผู้โดยสารบางคนยังเลือกเดินทางด้วยรถไฟ แม้จะเพิ่งเกิดเหตุคดีฆ่าข่มขืนโหด

เล่าประวัติ ค้นปูมหลัง “ประภัสร์ จงสงวน” อดีตผู้ว่าการ เก้าอี้เหนียว
ภายหลังจากที่ คสช. ขยับขึ้นมากุมบังเหียนสยามประเทศ หน้าที่ที่สำคัญอีกหนึ่งประการก็คือ การไล่บี้ลูกสมุนมูลนายของระบอบอดีตนายกรัฐมนตรีแดนไกลในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือไม่อยู่ก็ตามที

ดังนั้น ตำแหน่งของผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงเป็นอีกหนึ่งเก้าอี้สำคัญที่สังคมต่างจับตามอง เพราะเป็นที่รับรู้กันดีว่า นายประภัสร์ นั้นถือว่าเป็นสายตรงจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้วางตัวไว้ให้มานั่งตำแหน่งสำคัญ พร้อมกับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ 400,000 บาท และสิทธิประโยชน์อื่นๆ พ่วงท้ายมาให้ด้วย
นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย

ในช่วงที่ ประภัสร์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ รฟท. อยู่นั้น ได้เกิดเหตุรถไฟตกรางอยู่บ่อยครั้ง จนต้องจัดสรรงบประมาณมาเพื่อทำการรื้อ และทำรางรถไฟใหม่ทั้งหมดในเขตภาคเหนือตอนบน อีกทั้งยังมีโครงการจัดซื้อตู้โดยสารและหัวรถจักรของการรถไฟฯมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท แต่สุดท้ายก็โดน คสช. ตีกลับให้ไปดำเนินการทบทวน เนื่องจากมีหลายๆ ส่วนในโครงการมีความไม่โปร่งใส

ทว่า คสช. ก็ไม่สามารถไล่บี้ผู้ว่าการฯ คนนี้ได้โดยง่าย อันเนื่องมาจากตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯ เป็นระบบสัญญาจ้าง โดยใช้การคัดเลือกบุคคลภายนอกที่มีฝีมือและประสบการณ์ในการบริหารเข้ามาทำงาน ฉะนั้น อำนาจในการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการรถไฟฯ จึงตกอยู่กับบอร์ดการรถไฟ ซึ่งประธานบอร์ดการรถไฟฯก็ลาออกไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้ว่าการรถไฟฯได้ในทันที
ประภัสร์ ในวันที่รับศึกหนักจากกระแสสังคมที่ไล่ให้ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

ก่อนหน้านี้นายประภัสร์เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 ว่า “ช่วงที่ผมดูแลการรถไฟฯ จะต้องให้เกิด 3 สิ่งนี้ให้ได้ คือ ต้องมีความปลอดภัย ตรงต่อเวลา และบริการต้องประทับใจ เพื่อเป็นต้นแบบก่อนที่จะไปคิดทำอย่างอื่น” และยังระบุอีกว่า จะลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท. หากเกิดเหตุรถไฟตกราง แต่ชายผู้นี้ก็หาเหตุผลต่างๆ นานามาหักล้างคำปฏิญาณเดิมที่ได้กล่าวไว้ต่อสาธารณชน จนท้ายที่สุด นำมาสู่เหตุสะเทือนขวัญฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 13 ปี อย่างโหดเหี้ยม โดยฝีมือของพนักงานการรถไฟฯ

ด้วยการโบ้ยความผิด พร้อมๆ กับพ่นวลีเด็ดออกมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น “ไม่ลาออกเพราะต้องอยู่แก้ปัญหา” “ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ว่าฯต้องรู้ทุกอย่าง นอตทุกตัว ผมว่ามันคงไม่ใช่ เซ็งอ่ะ” ยิ่งเป็นตัวการที่กระพือให้กระแสสังคมลุกฮือต่อต้านให้ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ จนนำมาสู่คำสั่งฟ้าผ่าของคสช. ...ปลดผู้ว่าการการรถไฟฯ
สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) สถานีรถไฟหลักของไทย

ขุมทรัพย์ล้นมือ กำไรทรุด ขาดทุนบานตะไท

การรถไฟฯ ได้ถูกจับตามองถึงมาตรฐานการให้บริการที่อยู่ในสภาวะตกต่ำขีดสุด มิหนำซ้ำยังตกเป็นรัฐวิสาหกิจที่ขาดการพัฒนามากที่สุด จนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ระบุว่า หากไม่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ การรถไฟฯ เป็นองค์กรที่เสี่ยงต่อภาวะล้มละลายมากที่สุด!

ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ มีระบบการเดินรถ เส้นทางการเดินรถ ระบบการขนส่งอาณัติสัญญาณ การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก ที่ผูกขาดไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่การรถไฟฯ กลับมีรายได้จากการให้บริการขนส่งคนและขนส่งสินค้า เพียงปีละ 6,000 ล้านบาทเท่านั้น
รถไฟ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแก่ประชาชนที่ไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางจำนวนมาก

ทั้งนี้ การรถไฟฯ ยังถือว่าเป็นเจ้าพ่อที่ดิน อันมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินที่มีโฉนดอยู่มากมายนับไม่ถ้วน โดยการรถไฟฯ มีรายได้จากจุดนี้เพียงแค่ปีละ 2,000 ล้านบาท และมีรายได้อื่นๆ อีกประมาณ 2,000 ล้านบาทเท่านั้น

ทว่า ค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนค่าจ้าง ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้สอยอื่นๆ ค่าบำเหน็จบำนาญ ค่าเสื่อมราคา รวมแล้วเกือบแตะ 2 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยนาทีละ 2 หมื่นบาท

ล่าสุดจากการเปิดเผยของ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงซึ่งทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม การรถไฟฯ ขาดทุนสะสมรวมหนี้สินอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาท สวนทางกับรายได้และผลประโยชน์ที่มีอยู่ในมือการรถไฟฯ อย่างสิ้นเชิง
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม

แนะทางแก้ ชี้แนวทางปฏิรูป วิธีสังคายนา...

นางสร้อยทิพย์ แนะแนวทางสังคายนาระบบรถไฟไทยไว้ว่า บอร์ด รฟท.และผู้ว่าการ รฟท.ต้องปฏิรูปองค์กรแบบถอนรากถอนโคน คัดมืออาชีพเข้ามาทำงาน และไม่ควรนำคนที่เป็นนักการเมือง หรือมีพรรคการเมืองหนุนหลังเข้ามาบริหารงาน รวมทั้งควบคุม ดูแลการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างถ้วนถี่ เพื่อป้องกันการเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง

รวมถึง พิจารณาเรื่องที่ดินและทรัพย์สินต่างๆ ของการรถไฟฯ อย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อนำมาพัฒนาหรือใช้ประโยชน์ให้เกิดมูลค่าต่อแผ่นดินมากที่สุด และเร่งผลักดันให้การรถไฟฯ เป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ด้านการขนส่งสินค้าและขนส่งคน ของประเทศให้แข็งแกร่งมากขึ้น


สร้างกำไร! ทันสมัย! เพิ่มปลอดภัย! อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ของ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ ผู้กุมบังเหียน รฟท. คนใหม่...ท้ายที่สุดแล้วบุรุษผู้นี้จะสามารถนำพาขบวนรถไฟที่จุด้วยความหวังของคนไทยเต็มโบกี้ ไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้อย่างสวัสดิภาพหรือไม่ ?

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 15 ก.ค. 2557