Line ลุยตลาดออนไลน์ ประเดิมร้าน Line Shop ขายไทยแห่งแรกในโลก

[brid.siriwan]

Line ลุยตลาดออนไลน์ ประเดิมร้าน Line Shop ขายไทยแห่งแรกในโลก
หน้าตาแอปพลิเคชัน Line Shop
แอปพลิเคชันรับส่งข้อความอย่างไลน์ (Line) จะไม่ได้เป็นเพียงแอปพลิเคชันรับส่งข้อความอีกต่อไป เพราะหลังจากที่ไลน์ออกมายืนยันว่าได้เริ่มยื่นเอกสารเพื่อเสนอขายหุ้น IPO ที่ตลาดหุ้นโตเกียวจริงด้วยมูลค่านับ 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ ล่าสุดไลน์เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ “ไลน์ช็อป (Line Shop)” เพื่อให้แบรนด์สามารถจำหน่ายสินค้าให้ผู้ใช้ไลน์ได้อย่างทั่วถึง โดยดึงประเทศไทยเป็นตลาดแรกที่ประเดิมนำร่องโครงการนี้

ที่ผ่านมา ไลน์พยายามริเริ่มโครงการร้านขายสินค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซบนแอปพลิเคชันอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดจำหน่ายสินค้าในช่วงเวลาหนึ่ง (Line Flash Sale) เช่น หน้ากากหรือเคสสมาร์ทโฟน เครื่องสำอาง และสินค้าลายการ์ตูนลิขสิทธิ์จากไลน์ โดย flash sale ลักษณะนี้มีการเปิดให้บริการแล้วในประเทศไทยและไต้หวัน ซึ่งเป็น 2 ตลาดต่างชาติที่ไลน์ได้รับความนิยมมากที่สุด

Line ลุยตลาดออนไลน์ ประเดิมร้าน Line Shop ขายไทยแห่งแรกในโลก
รูปแบบบริการ Line Flash Sale
ล่าสุด ไลน์ตอกย้ำจุดยืนรุกบริการอีคอมเมิร์ซด้วยการเปิดบริการ Line Shop ครั้งนี้ไลน์นำร่องทดสอบบริการเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น จุดนี้ไลน์ให้ข้อมูลว่าสินค้าใน Line Shop จะเป็นการเสนอขายจากแบรนด์สู่ผู้บริโภค (brand-to-consumer) ซึ่งแตกต่างจากบริการอีคอมเมิร์ซระหว่างผู้บริโภคและผู้บริโภค (consumer-to-consumer marketplace) ที่ไลน์เปิดให้บริการที่ญี่ปุ่นช่วงก่อนหน้านี้

ผู้สนใจซื้อสินค้าบน Line Shop จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแยกเดี่ยวหรือ standalone app มาติดตั้งไว้บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (iOS) วิธีนี้ผู้ใช้จะได้เชื่อมต่อตัวเองเข้ากับแบรนด์สินค้าที่ต้องการเสนอขายสินค้า รวมถึงร้านออนไลน์อย่าง “ซาโลรา (Zalora)” ในเครือร็อคเก็ต อินเทอร์เน็ต (Rocket Internet) ผู้ใช้สามารถพูดคุยถึงสินค้าที่ต้องการซื้อ รวมถึงสามารถรอรับข้อมูลสินค้าใหม่จากแบรนด์ที่ชอบได้โดยตรงเมื่อคลิกติดตามแบรนด์ หรือการ following ที่ชาวทวิตเตอร์ (Twitter) คุ้นเคยดี

เบื้องต้น ไลน์ยังไม่มีแถลงการณ์เปิดตัว Line Shop อย่างเป็นทางการ ซึ่งแม้จะยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม แต่การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนว่าไลน์กำลังพยายามปฏิวัติตัวเองเพื่อให้สามารถขยายธุรกิจให้สามารถสร้างรายได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะการต่อยอดธุรกิจบนฐานผู้ใช้ ซึ่งคาดว่าจะมีมากกว่า 50 ล้านคน ในประเทศญี่ปุ่น, 25 ล้านคนในประเทศไทย และ 20 ล้านคนในไต้หวัน

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 16 กรกฎาคม 2557