Page 1 of 1

แฉโครงการระบบศูนย์บริการจัดการรายได้กลาง สนข.ส่งกลิ่น

Posted: 17 Jul 2014, 11:06
by brid.siriwan
แฉโครงการระบบศูนย์บริการจัดการรายได้กลาง สนข.ส่งกลิ่น
เปิดปมฉาวโครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House หรือ CCH) สนข. มูลค่าโครงการ 409 ล้านบาท ส่อพิรุธ รีบเปิดซองราคาบ่ายวันนี้ (15 ก.ค.) ไม่สนใจ ทั้งๆ ที่มีคนร้องเรียนปลัดกระทรวงคมนาคม และคสช. หลังพบทำผิดทีโออาร์โจ่งแจ้ง โดยเปลี่ยนบริษัทในกลุ่มคอนซอร์เตียม BSV จาก VIX Technology เป็น VIX Mobility ซึ่งเป็นคนละนิติบุคคลกัน รวมทั้งประสบการณ์ที่ถูกฟ้องร้องจากรัฐบาลออสเตรเลีย เพราะไม่สามารถส่งมอบงานได้

แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า โครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House หรือ CCH) มูลค่าโครงการ 409 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการประกวดราคานั้น ส่อว่าจะเกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้นในขั้นตอนการพิจารณา เมื่อกรรมการที่รับผิดชอบโครงการนี้ไม่ตัดสิทธิบริษัทที่ทำผิดข้อเสนอการประมูล (ทีโออาร์) ทำให้มองได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทที่ทำผิดสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดซองราคาในช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ค.)

ทั้งนี้ โครงการ CCH เป็นการจัดจ้างจัดทำระบบบริหารจัดการรายได้กลาง โดยจัดตั้งมาตรฐานการใช้ตั๋วร่วม หรือบัตรโดยสาร (Common ticket) ที่สามารถใช้เป็นบัตรโดยสาร รถไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ เรือ ตลอดจนการใช้เป็นบัตรเงินสดซื้อสินค้าได้ในร้านสะดวกซื้อ

โดย สนข.เปิดให้ยื่นข้อเสนอในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูล (Express of Interest) และประกาศผล EOI เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ปรากฏว่า มีผู้ผ่านการคัดเลือก 5 กลุ่มคือ 1.AT Consortium 2. BSV consortium 3.กลุ่มปัญญากับ Lotte 4.กลุ่ม INDRA 5.กลุ่ม MS consortium หลังจากนั้นทั้ง 4 กลุ่มยกเว้นกลุ่มปัญญากับ Lotte ที่ถอนตัวไป ยื่นเอกสารการประมูลเมื่อวันที่ 25 เม.ย.

หลังจากนั้น สนข.ได้ประกาศเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ว่า มี 3 กลุ่มที่ผ่านการพิจารณาด้านเทคนิค คือ 1.กลุ่ม BSV Consortium ประกอบด้วย Bangkok Mass Transit System PCL. ร่วมกับ Smart Traffic Co.,Ltd. และ VIX Mobility Pty.,Ltd. ประเทศออสเตรเลีย 2.กลุ่ม AT Consortium ประกอบด้วย Thai Transmission Industry Co.,Ltd. ร่วมกับ ACER Incorporate จากไต้หวัน และ 3.กลุ่ม MS Consortium ประกอบด้วย MSI Global PTE Ltd. จากประเทศสิงคโปร์ และ Samart Comtech Co.,Ltd. โดยให้ทั้ง 3 กลุ่มส่งตัวแทนเข้าร่วมขั้นตอนการเปิดซองราคาในเวลา 13.30 น.วันที่ 15 ก.ค.

แหล่งข่าวกล่าวว่า ประเด็นที่ไม่ชอบมาพากลส่อไปในทางไม่โปร่งใสเกิดขึ้นทันที เพราะกลุ่ม BSV Consortium ที่ประกาศเมื่อวันที่ 10 ก.ค. มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในกลุ่มจากที่เคยประกาศ EOI เมื่อวันที่ 3 มี.ค.กล่าวคือ รายชื่อกลุ่ม BSV Consortium เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ประกอบด้วย Bangkok Mass Transit System PCL. ร่วมกับ Smart Traffic Co., Ltd. และ VIX Technology Co.,Ltd. แต่รายชื่อกลุ่ม BSV Consortium เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ประกอบด้วย Bangkok Mass Transit System PCL. ร่วมกับ Smart Traffic Co., Ltd. และ VIX Mobility Pty.,Ltd. ประเทศออสเตรเลีย

ชื่อบริษัทที่แตกต่าง และถือว่าเป็นการทำผิดทีโออาร์ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในกลุ่มถึงแม้จะอ้างว่าเป็นบริษัทแม่กับบริษัทลูก แต่ถือเป็นคนละนิติบุคคลกันคือ มีการเปลี่ยนจาก VIX Technology เป็น VIX Mobility ที่ผิดทีโออาร์อย่างชัดเจน เพราะทีโออาร์ของการประกวดราคาแบบอินเตอร์เนชั่นแนล บิดดิ้ง ในครั้งนี้ระบุชัดเจนว่า “After a consortium has been short-listed, a consortium shall no increase, reduce or change its member(s) except for the addition of new member(s), which is not a member of other short-listed consortiums” หมายถึงกลุ่ม Consortium จะเพิ่มบริษัทเข้าร่วมได้ แต่ไม่สามารถลดได้ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้เป็นคนละนิติบุคคล

แหล่งข่าวย้ำว่า นอกจากนี้ ประสบการณ์ที่นำมาใช้อ้างอิงเกิดจากบริษัทซึ่งไปซื้อกิจการ โดยการถ่ายโอนหุ้นจาก ERG Limited มาเป็น Vix Technology เนื่องจาก ERG Limited ถูกฟ้องร้องจากรัฐบาลออสเตรเลีย เนื่องจากไม่สามารถส่งงานได้ ซึ่งบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น Vedelli Ltd รวมทั้งยังถือว่าน่าจะเกิดการขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่ง BTS มีส่วนได้ส่วนเสีย (ปัจจุบันได้ดำเนินการภายใต้บริษัท BSS) ในอนาคตกับการ Clearing ตอนสิ้นวัน ซึ่งอาจจะนำไปสู่การผูกขาดได้ในอนาคต

“กลิ่นฉุนๆ ที่เกิดจากการประมูลครั้งนี้ ทำให้มีบริษัทที่เข้าร่วมประมูลรายหนึ่งทำหนังสือร้องเรียนไปยัง สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม หวังให้ชะลอการเปิดซองราคาไปก่อนเพื่อตรวจสอบให้รอบคอบมากที่สุด รวมทั้งประเด็นเรื่องประสบการณ์ไม่สามารถส่งมอบงานได้จนถูกฟ้องร้องจากรัฐบาลออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีบริษัทส่งหนังสือร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการนี้อย่างเร่งด่วน เพราะเห็นว่าการรีบร้อนเปิดซองราคาโดยไม่ฟังเสียงท้วงติง มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่”

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 15 กรกฎาคม 2557