'ไอโอดี' ประเมิน ศก.ครึ่งปีหลังดีขึ้น คาดจีดีพีโต 3-5%

[brid.siriwan]

'ไอโอดี' ประเมิน ศก.ครึ่งปีหลังดีขึ้น คาดจีดีพีโต 3-5%

"ไอโอดี" เผย ศก.ไทยครึ่งปีหลัง แนวโน้มเติบโตขึ้น คาดจีดีพีขยายตัว 3-5% หลังศก.โลกขยายตัว-นโยบาย ศก.ในประเทศคล่องมากขึ้นจากการขับเคลื่อ'ไอโอดี' ประเมิน ศก.ครึ่งปีหลังดีขึ้น คาดจีดีพีโต 3-5%

"ไอโอดี" เผย ศก.ไทยครึ่งปีหลัง แนวโน้มเติบโตขึ้น คาดจีดีพีขยายตัว 3-5% หลังศก.โลกขยายตัว-นโยบาย ศก.ในประเทศคล่องมากขึ้นจากการขับเคลื่อนใช้งบ 57 และงบ 58 ออกมาได้ทัน ทำเชื่อมั่นพุ่ง...

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจมากกว่าปัจจัยลบ

นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า ปัจจัยบวกที่สำคัญ 3 ตัว ได้แก่ เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในประเทศหลักๆ มีแนวโน้มการขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เช่น จีน และสหรัฐฯ ความสามารถในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในประเทศมีความคล่องตัวมากกว่า ซึ่งจะนำไปสู่การดำเนินนโยบายการคลังเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้น เศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการใช้จ่ายงบประมาณในช่วงท้ายปีงบประมาณ 57 รวมทั้งการเตรียมงบประมาณได้ทันในปี 58 และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นแรงส่งสำคัญต่อการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งด้านการบริโภค และการลงทุน

สำหรับปัจจัยทั้ง 3 นี้คิดว่าเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของไทย ซึ่งมีมากกว่าปัจจัยลบ และจะเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้สูงขึ้นในช่วงครึ่ง หลังของปี แต่ขึ้นอยู่กับว่าการตอบสนองของภาคธุรกิจและผู้บริโภคเองจะสามารถตอบสนองกับ การเปลี่ยนแปลงของภาวะแวดล้อมเหล่านี้ได้มากหรือน้อยโดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุน

"การที่จะให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีเติบโตได้ราว 2% ตามที่หลายสถาบันได้คาดการณ์ไว้นั้น ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะต้องขยายตัวในระดับที่มากในระดับ 3-5% ซึ่งขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยที่กล่าวมาเป็นสำคัญ" นายบัณฑิต กล่าว.
นใช้งบ 57 และงบ 58 ออกมาได้ทัน ทำเชื่อมั่นพุ่ง...

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจมากกว่าปัจจัยลบ

นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า ปัจจัยบวกที่สำคัญ 3 ตัว ได้แก่ เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในประเทศหลักๆ มีแนวโน้มการขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เช่น จีน และสหรัฐฯ ความสามารถในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในประเทศมีความคล่องตัวมากกว่า ซึ่งจะนำไปสู่การดำเนินนโยบายการคลังเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้น เศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการใช้จ่ายงบประมาณในช่วงท้ายปีงบประมาณ 57 รวมทั้งการเตรียมงบประมาณได้ทันในปี 58 และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นแรงส่งสำคัญต่อการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งด้านการบริโภค และการลงทุน

สำหรับปัจจัยทั้ง 3 นี้คิดว่าเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของไทย ซึ่งมีมากกว่าปัจจัยลบ และจะเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้สูงขึ้นในช่วงครึ่ง หลังของปี แต่ขึ้นอยู่กับว่าการตอบสนองของภาคธุรกิจและผู้บริโภคเองจะสามารถตอบสนองกับ การเปลี่ยนแปลงของภาวะแวดล้อมเหล่านี้ได้มากหรือน้อยโดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุน

"การที่จะให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีเติบโตได้ราว 2% ตามที่หลายสถาบันได้คาดการณ์ไว้นั้น ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะต้องขยายตัวในระดับที่มากในระดับ 3-5% ซึ่งขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยที่กล่าวมาเป็นสำคัญ" นายบัณฑิต กล่าว.

ทีมา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 18 ก.ค. 2557