ชงยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน เข้าคสช.22ก.ค.นี้
Posted: 22 Jul 2014, 08:43
ชงยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน เข้าคสช.22ก.ค.นี้
คมนาคม เผยยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานเสร็จแล้ว ชงให้ คสช.เห็นชอบวันที่ 22 ก.ค.นี้ พร้อมถก หัวหน้าส่วนราชการ เดินหน้าทำถนนเชื่อมชายแดน เพิ่ม 50 ด่าน รับเปิดเสรีอาเซียน
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สรุปร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเรียบร้อยแล้ว และในวันที่ 22 ก.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวคณะ คสช.พิจารณาอนุมัติร่างยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการ
“รายละเอียดของแต่ละโครงการ ให้แต่ละหน่วยงานไปจับคู่ทำงานเพื่อให้สอดคล้องกัน ส่วนรายละเอียดยุทธศาสตร์จะมีเรื่องอะไรบ้างหรือใช้วงเงินเท่าไรคงต้องรอให้ผ่านการพิจารณาและให้ทาง คสช.เป็นผู้แถลงก่อน กระทรวงคมนาคมถึงจะเปิดเผยในรายละเอียดแต่ละโครงการได้เพื่อป้องกันประชาชนสับสนในข้อมูล”
นางสร้อยทิพย์ กล่าวหลังประชุมหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดว่า ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงแนวนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่เน้นรวดเร็ว รอบคอบ โปร่งใส ขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณต่างๆก็ต้องผ่านความเห็นชอบจาก คสช. และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.)ซึ่งหลายโครงการก็ได้มีการตรวจสอบแล้วเสร็จแล้ว จึงคาดว่าจะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนงานที่กำหนด ส่วนการใช้งบประมาณปี 57 ในส่วนของงบลงทุน ขณะนี้ใช้ไปใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือ ประมาณ 70-75% ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดดคาดว่าตลอดทั้งปีอาจจะใช้จ่ายได้ถึง 80% ส่วนของงบประมาณปี 58 ได้สรุปแล้วว่ากระทรวงคมนาคมได้รับการจัดสรร 146,781 ล้านบาท มากกว่าปี 57 ที่ได้รับการจัดสรร 133,015 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10.35%
ส่วนวาระเรื่องอื่นได้เน้นให้ดำเนินการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยที่ผ่านมาได้ให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทไปตรวจสอบโครงข่ายถนนที่เชื่อมด่านชายแดนต่างๆในปี 58 รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แล้ว คือ ด่านแม่สอด จังหวัดตาก ด่านมุกดาหาร ด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ด่านคลองใหญ่และด่านคลองลึก จังหวัดตราด โดยจะต้องเริ่มดำเนินการภายในปีนี้ ซึ่งนอกจากการเชื่อมโยงถนนแล้ว ก็ยังจะเข้าไปบริหารจัดการบริเวณด่าน รวมทั้งการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆด้วย
“นอกจากเรื่องด่านชายแดนซึ่งเป็นการพัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศแล้ว การป้องกันโรคอุบัติใหม่และเก่าที่ด่านชายแดนต่างๆก็ต้องดูแลเพิ่มด้วย เพราะเมื่อช่องทางการขนส่งมีประสิทธิภาพ ยานพาหนะก็จะเข้ามามากขึ้น ซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคต่างๆเข้ามาด้วย ก็จะต้องร่วมมือกับหน่วยงานด้านอนามัยในการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎอนามัยระหว่างประเทศด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ให้กรมทางหลวง กรมเจ้าท่า และกรมการบินพลเรือน โดยปัจจุบันมีด่านชายแดนที่อยู่ในการบริหารจัดการของกระทรวงคมนาคม 18 แห่ง และมีแผนจะเพิ่มอีก 50 แห่ง รวมเป็น 68 แห่งในปี 58”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 21 ก.ค 2557
คมนาคม เผยยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานเสร็จแล้ว ชงให้ คสช.เห็นชอบวันที่ 22 ก.ค.นี้ พร้อมถก หัวหน้าส่วนราชการ เดินหน้าทำถนนเชื่อมชายแดน เพิ่ม 50 ด่าน รับเปิดเสรีอาเซียน
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สรุปร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเรียบร้อยแล้ว และในวันที่ 22 ก.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวคณะ คสช.พิจารณาอนุมัติร่างยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการ
“รายละเอียดของแต่ละโครงการ ให้แต่ละหน่วยงานไปจับคู่ทำงานเพื่อให้สอดคล้องกัน ส่วนรายละเอียดยุทธศาสตร์จะมีเรื่องอะไรบ้างหรือใช้วงเงินเท่าไรคงต้องรอให้ผ่านการพิจารณาและให้ทาง คสช.เป็นผู้แถลงก่อน กระทรวงคมนาคมถึงจะเปิดเผยในรายละเอียดแต่ละโครงการได้เพื่อป้องกันประชาชนสับสนในข้อมูล”
นางสร้อยทิพย์ กล่าวหลังประชุมหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดว่า ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงแนวนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่เน้นรวดเร็ว รอบคอบ โปร่งใส ขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณต่างๆก็ต้องผ่านความเห็นชอบจาก คสช. และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.)ซึ่งหลายโครงการก็ได้มีการตรวจสอบแล้วเสร็จแล้ว จึงคาดว่าจะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนงานที่กำหนด ส่วนการใช้งบประมาณปี 57 ในส่วนของงบลงทุน ขณะนี้ใช้ไปใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือ ประมาณ 70-75% ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดดคาดว่าตลอดทั้งปีอาจจะใช้จ่ายได้ถึง 80% ส่วนของงบประมาณปี 58 ได้สรุปแล้วว่ากระทรวงคมนาคมได้รับการจัดสรร 146,781 ล้านบาท มากกว่าปี 57 ที่ได้รับการจัดสรร 133,015 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10.35%
ส่วนวาระเรื่องอื่นได้เน้นให้ดำเนินการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยที่ผ่านมาได้ให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทไปตรวจสอบโครงข่ายถนนที่เชื่อมด่านชายแดนต่างๆในปี 58 รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แล้ว คือ ด่านแม่สอด จังหวัดตาก ด่านมุกดาหาร ด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ด่านคลองใหญ่และด่านคลองลึก จังหวัดตราด โดยจะต้องเริ่มดำเนินการภายในปีนี้ ซึ่งนอกจากการเชื่อมโยงถนนแล้ว ก็ยังจะเข้าไปบริหารจัดการบริเวณด่าน รวมทั้งการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆด้วย
“นอกจากเรื่องด่านชายแดนซึ่งเป็นการพัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศแล้ว การป้องกันโรคอุบัติใหม่และเก่าที่ด่านชายแดนต่างๆก็ต้องดูแลเพิ่มด้วย เพราะเมื่อช่องทางการขนส่งมีประสิทธิภาพ ยานพาหนะก็จะเข้ามามากขึ้น ซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคต่างๆเข้ามาด้วย ก็จะต้องร่วมมือกับหน่วยงานด้านอนามัยในการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎอนามัยระหว่างประเทศด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ให้กรมทางหลวง กรมเจ้าท่า และกรมการบินพลเรือน โดยปัจจุบันมีด่านชายแดนที่อยู่ในการบริหารจัดการของกระทรวงคมนาคม 18 แห่ง และมีแผนจะเพิ่มอีก 50 แห่ง รวมเป็น 68 แห่งในปี 58”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 21 ก.ค 2557