ธปท. ชี้เงินบาทแข็งค่าช่วงสั้น นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่น ศก.-ก
Posted: 25 Jul 2014, 11:13
ธปท. ชี้เงินบาทแข็งค่าช่วงสั้น นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่น ศก.-การเมืองไทย
ธปท. ชี้เงินบาทแข็งค่าในระยะสั้น ระบุเป็นเพราะนักลงทุนเชื่อมั่น ศก. และการเมืองไทย หลังประกาศ รธน. ฉบับชั่วคราว ยินยันจะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และติดตามปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจส่งผลกระทบ โดยเฉพาะการปรับนโยบายการเงินของประเทศหลัก ซึ่งมีผลต่อเงินทุนไหลออก ดังนั้น ภาคเอกชนจะต้องป้องกันความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการแข็งค่าของเงินบาทว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 เงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 3.4 ซึ่งยอมรับว่า เงินทุนต่างชาติไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย เพราะมีความเชื่อมั่นในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยที่มีปัจจัยเฉพาะ คือ การออกรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักลงทุนกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น สะท้อนได้จากตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมในการซื้อเครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงของไทย ปรับลดลงจากระดับร้อยละ 1.335 ในวันที่ 22 พฤษภาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 1.055 ในวันที่ 22 กรกฎาคม ซึ่งลดลงมากที่สุดหากเทียบกับภูมิภาคอย่างมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนคลายความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ ธปท.ยืนยันว่า จะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และติดตามปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจส่งผลกระทบ โดยเฉพาะการปรับนโยบายการเงินของประเทศหลัก ซึ่งมีผลต่อเงินทุนไหลออก ดังนั้น ภาคเอกชนจะต้องป้องกันความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 24 กรกฎาคม 2557
ธปท. ชี้เงินบาทแข็งค่าในระยะสั้น ระบุเป็นเพราะนักลงทุนเชื่อมั่น ศก. และการเมืองไทย หลังประกาศ รธน. ฉบับชั่วคราว ยินยันจะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และติดตามปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจส่งผลกระทบ โดยเฉพาะการปรับนโยบายการเงินของประเทศหลัก ซึ่งมีผลต่อเงินทุนไหลออก ดังนั้น ภาคเอกชนจะต้องป้องกันความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการแข็งค่าของเงินบาทว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 เงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 3.4 ซึ่งยอมรับว่า เงินทุนต่างชาติไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย เพราะมีความเชื่อมั่นในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยที่มีปัจจัยเฉพาะ คือ การออกรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักลงทุนกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น สะท้อนได้จากตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอัตราค่าธรรมเนียมในการซื้อเครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงของไทย ปรับลดลงจากระดับร้อยละ 1.335 ในวันที่ 22 พฤษภาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 1.055 ในวันที่ 22 กรกฎาคม ซึ่งลดลงมากที่สุดหากเทียบกับภูมิภาคอย่างมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนคลายความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ ธปท.ยืนยันว่า จะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากจนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และติดตามปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจส่งผลกระทบ โดยเฉพาะการปรับนโยบายการเงินของประเทศหลัก ซึ่งมีผลต่อเงินทุนไหลออก ดังนั้น ภาคเอกชนจะต้องป้องกันความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 24 กรกฎาคม 2557