ทอท.ดันสุดลิ่มขยายสุวรรณภูมิ ลุ้น คตร.ผ่านโครงการเอพีพีเอส 8
Posted: 28 Jul 2014, 10:38
ทอท.ดันสุดลิ่มขยายสุวรรณภูมิ ลุ้น คตร.ผ่านโครงการเอพีพีเอส 8.3 พันล้านบาท
นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่มี พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก เป็นประธาน ได้สั่งตรวจสอบโครงการติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) วงเงิน 8,300 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 วงเงินกว่า 62,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้ ทอท.ได้ส่งเอกสารและรายละเอียดข้อมูลให้กับคณะกรรมการแล้ว อยู่ระหว่างรอผลพิจารณา ดังนั้นไม่ว่า คตร.จะมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะอย่างไรก็พร้อมจะปฏิบัติตาม
“ขณะนี้สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารสูงถึง 50 ล้านคนต่อปี ซึ่งเกินจากขีดความสามารถที่รองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี จึงต้องปรับแผนการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ให้เร็วขึ้น จากเดิมกำหนดแล้วเสร็จภายใน 70 เดือน จะลดเหลือ 58 เดือน โดยที่มีสนามบินดอนเมืองช่วยรองรับได้ส่วนหนึ่ง”
นายเมฆินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดให้โครงการลงทุน หรือจัดซื้อจัดจ้างเกิน 100 ล้านบาท ต้องรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลังรับทราบนั้น ทาง ทอท.ได้จัดส่งรายละเอียดโครงการที่มีวงเงินเกิน 100 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 28 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการจัดซื้อระบบไอทีเพื่อบริหารงานภายใน และการจัดซื้อของท่าอากาศยานดอนเมือง เช่น งานปรับปรุงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 240 ล้านบาท, งานปรับปรุงห้องน้ำภายในท่าอากาศยานดอนเมือง 120 ล้านบาท และงานติดตั้งบันไดเลื่อนภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมือง 110 ล้านบาท เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ทอท.ว่า คตร.ได้สั่งให้ทบทวน โครงการติดตั้งระบบตรวจสอบ และคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า เนื่องจากเห็นว่าใช้งบประมาณสูงเกินไป และทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตั้งข้อสังเกตเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ว่าอาจก่อให้เกิดปัญหาด้วย.
ทีมา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 28 ก.ค. 2557
นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่มี พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก เป็นประธาน ได้สั่งตรวจสอบโครงการติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) วงเงิน 8,300 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 วงเงินกว่า 62,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้ ทอท.ได้ส่งเอกสารและรายละเอียดข้อมูลให้กับคณะกรรมการแล้ว อยู่ระหว่างรอผลพิจารณา ดังนั้นไม่ว่า คตร.จะมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะอย่างไรก็พร้อมจะปฏิบัติตาม
“ขณะนี้สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารสูงถึง 50 ล้านคนต่อปี ซึ่งเกินจากขีดความสามารถที่รองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี จึงต้องปรับแผนการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ให้เร็วขึ้น จากเดิมกำหนดแล้วเสร็จภายใน 70 เดือน จะลดเหลือ 58 เดือน โดยที่มีสนามบินดอนเมืองช่วยรองรับได้ส่วนหนึ่ง”
นายเมฆินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดให้โครงการลงทุน หรือจัดซื้อจัดจ้างเกิน 100 ล้านบาท ต้องรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลังรับทราบนั้น ทาง ทอท.ได้จัดส่งรายละเอียดโครงการที่มีวงเงินเกิน 100 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 28 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการจัดซื้อระบบไอทีเพื่อบริหารงานภายใน และการจัดซื้อของท่าอากาศยานดอนเมือง เช่น งานปรับปรุงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 240 ล้านบาท, งานปรับปรุงห้องน้ำภายในท่าอากาศยานดอนเมือง 120 ล้านบาท และงานติดตั้งบันไดเลื่อนภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมือง 110 ล้านบาท เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ทอท.ว่า คตร.ได้สั่งให้ทบทวน โครงการติดตั้งระบบตรวจสอบ และคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า เนื่องจากเห็นว่าใช้งบประมาณสูงเกินไป และทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตั้งข้อสังเกตเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ว่าอาจก่อให้เกิดปัญหาด้วย.
ทีมา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 28 ก.ค. 2557