Page 1 of 1

ปิดฉากคุกหลักสี่ย้ายนักโทษกลับเรือนจำบ้านเกิด

Posted: 29 Jul 2014, 16:57
by brid.siriwan
ปิดฉากคุกหลักสี่ย้ายนักโทษกลับเรือนจำบ้านเกิด

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยันคุกหลักสี่ปิดตัวแล้ว หลังสั่งย้านนักโทษ 22 รายกลับเรือนจำตามภูมิลำเนา ด้านแหล่งข่าวชี้ ไร้เงาแกนนำนปช.มาให้กำลังใจ

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้อนุมัติให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำชั่วคราวหลักสี่จำนวน 22 คน เป็นผู้ต้องขังชาย 20 คน ผู้ต้องขังหญิง 2 คนกลับไปคุมยังเรือนจำตามภูมิลำเนาตามที่นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเสนอแล้วโดยเห็นว่าผู้ต้องขังในเรือนดังกล่าว เป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลและมีกำหนดโทษชัดเจนแล้ว ส่วนใหญ่ต้องโทษจำคุกเป็นเวลานานกว่า 20 ปี เพราะก่อคดีที่มีโทษสูง เช่น วางเพลิงเผาศาลากลางจังหวัด คดียิงเฮลิคอร์ปเตอร์ทหาร คดีครอบครองอาวุธ ที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมได้พิสูจน์แล้วว่าผู้ต้องขังกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ต้องขังคดีการเมือง แต่เป็นผู้ต้องขังคดีอาญาทั่วไปจึงสมควรย้ายกลับคุมขังยังเรือนจำที่มีอำนาจควบคุม

นอกจากนี้เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ใช้คุมขังผู้ต้องขังจำนวนน้อยมาก แต่มีภาระค่าใช้จ่ายสูงต้องแบ่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจโดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านบาท ตนในฐานะอธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงอนุมัติให้ย้ายได้ ส่วนสถานที่ดังกล่าวจะปิดการใช้งาน เนื่องจากขณะนี้ไม่มีผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นสอบสวน หรือ การพิจารณาคดีในขั้นศาล

แหล่งข่าวจากเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ระบุว่า วันนี้เรือนจำได้ทยอยย้ายผู้ต้องขังไปยังเรือนจำภูมิลำเนาแล้วครั้งแรก 6 คนเป็นผู้ต้องขัง จ.มหาสารคาม และอุบลราชธานี ส่วนที่เหลืออีก 16 คน จะทยอยย้ายให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามในการย้ายผู้ต้องขังครั้งนี้ไม่ปรากฏว่ามีแกนนำ นปช.คนใดมาคอยให้กำลังใจ

สำหรับเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนพลตำรวจบางเขน สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมืองวันที่ 16 ม.ค.55 สมัย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็น รมว.ยุติธรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อแยกการคุมขังผู้ต้องขังที่กระทำผิดอันมีเหตุจูงใจทางการเมืองออกจากผู้ต้องขังคดีทั่วไป โดยผู้ต้องขังกลุ่มแรกที่นำตัวไปเข้าคุมขังมีจำนวนกว่า 50 คน ทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังที่กระทำผิดในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับความรุนแรงทางการเมืองปี 2553.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 28 ก.ค 2557