“ปวดตับ” อย่ามองข้าม

Post Reply
brid.siriwan
Posts: 3942
Joined: 05 Apr 2013, 08:47

“ปวดตับ” อย่ามองข้าม

Post by brid.siriwan »

“ปวดตับ” อย่ามองข้าม

รศ.นพ.พูลชัย จรัสเจริญวิทยา
ภาควิชาอายุรศาสตร์


“ปวดตับ” เป็นปัญหาหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ตับ ทำหน้าที่เสมือนเป็นโรงงานผลิตพลังงาน และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมทั้งยังเป็นอวัยวะสำคัญในการเผาผลาญของเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายด้วย โดยทำการขับออกมาทางน้ำดีลงสู่ลำไส้ปนไปกับอุจจาระ และเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ยา หรือสารต่างๆ ที่ร่างกายรับประทานแล้วเหลือตกค้าง สิ่งเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของตับ ทำให้เกิดโรคตับต่างๆ ได้ เช่น โรคตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมีการอักเสบบวมของเนื้อตับ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตับ จุกตึงใต้ชายโครงขวา ร่วมกับมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และเกิดดีซ่านขึ้นได้

“ปวดตับ” อย่ามองข้าม
นอกจากนี้ ปวดตับ ยังอาจเกิดจากเนื้อตับบางส่วนที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติกลายเป็นก้อนเนื้องอกดันผิวตับให้โป่งนูน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดจุกแน่นในบริเวณใต้ชายโครงขวา หรือลิ้นปี่ มักพบในผู้ป่วยที่มีโรคตับอักเสบเรื้อรังแฝงอยู่โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ มาก่อน หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ได้แก่ อ่อนเพลียและหมดแรงง่าย บางรายมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรืออาเจียนเป็นเลือดสด ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหาร อันเป็นผลจากภาวะตับแข็งที่มักพบร่วมด้วยในผู้ป่วยที่เกิดมะเร็งตับ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เรามีสัญญาณอันตรายที่เตือนว่า ตับของคุณเริ่มมีปัญหาแล้วคือ
1. อาการปวดจุก หรือแน่นชายโครงขวา ซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ อาจเพราะมีการอักเสบของเนื้อตับ หรือเกิดจากก้อนเนื้องอกภายในเนื้อตับ

2. ดีซ่าน คือ ภาวะที่มีการคั่งของเม็ดสีน้ำดี ซึ่งสร้างมาจากตับ สะสมในเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ผิวหนังและเยื่อตาขาวเปลี่ยน มีสีเหลือง ซึ่งน้ำดีที่มากเกินในร่างกาย ส่วนหนึ่งจะถูกขับออกทางไต ทำให้ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า สมรรถภาพการทำงานของตับเริ่มถดถอย

3. อ่อนเพลียเรื้อรัง หมดแรงง่าย อาจเกิดจากภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งควรได้รับการตรวจเลือดยืนยันและหาสาเหตุต่อไป โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ การดื่มสุราจนทำให้เกิดโรคตับเรื้อรัง โรคอ้วนจนมีไขมันคั่งในเนื้อตับปริมาณมาก และการรับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรบางชนิด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีสารเหล่านี้ตกค้าง จนทำให้เกิดตับอักเสบ ผลิตพลังงาน และสารที่จำเป็นต่อร่างกายได้ลดลง

4. เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สมรรถภาพการทำงานของตับเริ่มเสื่อมลง ทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานสำรองจากที่ต่างๆ มาเผาพลาญ น้ำหนักตัวจึงลดลง

ดังนั้น ถ้าเราสังเกตตัวเองว่ามีสัญญาณเตือนความผิดปกติดังกล่าว อาจบ่งว่าสุขภาพตับเริ่มจะไม่แข็งแรง มีโรคภัยซ้อนเร้นอยู่ จึงควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติมว่า สมรรถภาพการทำงานของตับและสาเหตุของความผิดปกตินั้นเกิดจากอะไร

แต่สิ่งสำคัญที่สุดเพื่อให้ห่างไกลจากโรคที่ทำให้ “ปวดตับ” เราควรจะดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารที่สะอาดและมีคุณค่าทางโภชนาการในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับออกกำลังกาย เพื่อควบคุมน้ำหนักและลดพุง ไม่รับประทานสารอาหาร ยา หรือสมุนไพรใดๆ เสริมโดยไม่จำเป็น เท่านี้คุณก็จะไม่ “ปวดตับ”
----------------------------------------------------------------

พบกิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ขอเชิญประชาชนฟังการบรรยายสุขภาพใน
หัวข้อ “ปวดตับ” ที่ต้องรู้ เนื่องในวันรักษ์ตับโลก วันจันทร์ที่ 28 ก.ค. 57 เวลา 09.00 - 12.00 น. ณ ห้องวีกิจ วีรานุวัตติ์ ตึกอัษฎางค์ ชั้น 4 รพ.ศิริราช สำรองที่นั่งฟรี โทร. 0 2419 7280-2 ต่อ 101, 102, 105
ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จัดเสวนาให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุในหัวข้อ
“ออกกำลังกายอย่างไรให้ฟิตแอนด็เฟิร์ม” วันที่ 30 ก.ค. 57 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้อง 202 อาคารศรีสวรินทิรา ชั้น 2 ค่าลงทะเบียน 200 บาท สำรองที่นั่ง/สอบถาม โทร. 0 2419 8627, 0 2419 7508 ต่อ 112, 108, 109
----------------------------------------------------

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 23 กรกฎาคม 2557
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”