คลังปัดฝุ่นเก็บภาษีตู้แช่ชาเขียว จ่อดึงสหกรณ์ออมทรัพย์ซบอก
Posted: 01 Aug 2014, 09:45
คลังปัดฝุ่นเก็บภาษีตู้แช่ชาเขียว จ่อดึงสหกรณ์ออมทรัพย์ซบอก
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ 3 กรมภาษีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้มากขึ้น เนื่องจากยังมีช่องโหว่อีกมาก ดังนั้น หากส่วนใดที่ต้องจัดเก็บภาษี ก็ควรดึงให้เข้าระบบภาษี ซึ่งต้องนำเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดก ในเบื้องต้นได้อธิบายให้ คสช.รับทราบเกี่ยวกับหลักการและวิธีการไปแล้ว โดยขั้นตอนจากนี้ขึ้นกับการพิจารณาของ คสช. อีกทั้งยังได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิต เร่งศึกษาการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มในตู้แช่ ซึ่งรวมถึงชาเขียวพร้อมดื่มด้วย
“การนำภาษีที่ดิน ภาษีมรดก กลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง ซึ่งต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ เพราะมีผลกระทบต่อประชาชน เบื้องต้นเสนอรายละเอียดให้ คสช.พิจารณาแล้ว หากเห็นชอบจะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ คาดว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 58 ขณะเดียวกัน จะหารือ คสช.เพื่อดึงสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ ให้มาอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง เนื่องจากมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง น่าจะกำกับดูแลสหกรณ์ได้ดีกว่า เพราะที่ผ่านมาสหกรณ์ออมทรัพย์ มีปัญหาระบบการบริหารจัดการ ซึ่งสร้างความเสียหายในระบบการเงินกว่า 10,000 ล้านบาท”.
ทีมา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 1 ส.ค. 2557
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ 3 กรมภาษีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้มากขึ้น เนื่องจากยังมีช่องโหว่อีกมาก ดังนั้น หากส่วนใดที่ต้องจัดเก็บภาษี ก็ควรดึงให้เข้าระบบภาษี ซึ่งต้องนำเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดก ในเบื้องต้นได้อธิบายให้ คสช.รับทราบเกี่ยวกับหลักการและวิธีการไปแล้ว โดยขั้นตอนจากนี้ขึ้นกับการพิจารณาของ คสช. อีกทั้งยังได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิต เร่งศึกษาการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มในตู้แช่ ซึ่งรวมถึงชาเขียวพร้อมดื่มด้วย
“การนำภาษีที่ดิน ภาษีมรดก กลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง ซึ่งต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ เพราะมีผลกระทบต่อประชาชน เบื้องต้นเสนอรายละเอียดให้ คสช.พิจารณาแล้ว หากเห็นชอบจะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ คาดว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 58 ขณะเดียวกัน จะหารือ คสช.เพื่อดึงสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ ให้มาอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง เนื่องจากมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง น่าจะกำกับดูแลสหกรณ์ได้ดีกว่า เพราะที่ผ่านมาสหกรณ์ออมทรัพย์ มีปัญหาระบบการบริหารจัดการ ซึ่งสร้างความเสียหายในระบบการเงินกว่า 10,000 ล้านบาท”.
ทีมา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 1 ส.ค. 2557