Page 1 of 1

ออราเคิล” แนะใช้คลาวด์ช่วยการตลาด

Posted: 07 Aug 2014, 13:14
by brid.siriwan
“ออราเคิล” แนะใช้คลาวด์ช่วยการตลาด

“ออราเคิล” เผยแนวโน้มการลงทุนคลาวด์ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาค พร้อมชี้แนวทางการนำระบบคลาวด์มาใช้ทำตลาดช่วยเพิ่มศักยภาพขององค์กรขนาดใหญ่ จากผลวิจัยที่ระบุว่า ในปี 2017 CMO จะใช้งบมากกว่า CIO ในการนำไอทีมาช่วย

นายสุทธิศักดิ์ จันทรจำนง ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายแอปพลิเคชัน บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา องค์กรที่ยังไม่แน่ใจในระบบคลาวด์จะไปยังไพรเวทคลาวด์ก่อน แต่หลังจากก็จะเข้าสู่พับบลิกคลาวด์ที่จะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า จากงบลงทุนที่น้อยกว่าทำให้มีปริมาณใช้งานเพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนในกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตสูง จะเปิดรับระบบคลาวด์ค่อนข้างเร็ว

“สำหรับลูกค้าในไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเปิดรับบริการพับบลิกคลาวด์มากนัก และส่วนใหญ่จะเลือกให้ความสำคัญกับไพรเวทคลาวด์เป็นหลักเนื่องจากกังวลถึงข้อมูลพนักงาน ข้อมูลการเงินที่อาจเกิดความเสี่ยงได้ แต่ในมุมของผู้ให้บริการคลาวด์ ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว”

อย่างภายในออราเคิล จะแบ่งธุรกิจหลักออกเป็น 4 กลุ่มคือ ดาต้าเบส เทคโนโลยี มิดเดิลแวร์ และแอปพลิเคชัน ซึ่งทุกหน่วยธุรกิจจะทำงานร่วมกัน ซึ่งจากช่วงการเติบโตใน 4-5 ปีที่ผ่านมาที่คลาวด์เริ่มเข้ามาในตลาด ก็จะแบ่งเป็นส่วนของผู้ใช้ และผู้ให้บริการ แต่ในมุมของเทคโนโลยีก็จะมีแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ IaaA PaaS และ SaaS ดังนั้น ผู้ให้บริการที่มีให้บริการครอบคลุมก็จะมีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย

ในขณะที่ปัจจุบันการลงทุนคลาวด์ในประเทศไทยขึ้นมาอยู่เป็นอันดับที่ 4 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีก จากที่ปัจจุบันหลายเวนเดอร์ให้ความสนใจ และด้วยการที่ออราเคิลถือเป็นรายเดียวที่มีเทคโนโลยีทั้งหมดมารองรับ เพราะแม้กระทั่งคลาวด์เวนเดอร์รายใหญ่ยังมาพาร์ตเนอร์กับออราเคิลในส่วนของ SaaS และ AaaS

สิ่งที่ออราเคิลมอง และคิดว่าในอนาคตจะกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบคลาวด์คือ การทำระบบคลาวด์มาช่วยใช้ในการทำการตลาดให้แก่องค์กรใหญ่ จากระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ ระบบจัดการทรัพยากร ระบบบริหารจัดการต่างๆ นำมาใช้ควบคู่ไปกับฝ่ายบุคคล เพื่อให้สามารถนำข้อมูลในแง่ต่างๆ มาวิเคราะห์ให้สมบูรณ์ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจที่ระบุว่า ในปี 2017 ฝ่ายการตลาดจะใช้งบประมาณมากกว่าฝ่ายไอที

“รูปแบบการทำตลาดในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป โดยนักการตลาดคาดหวังที่จะสร้างรายได้กลับมาจากเงินลงทุนที่ใช้ไปมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็รับฟังความคิดเห็นจากสื่อสังคมออนไลน์มากยิ่งขึ้น และกลายเป็นโมเดิร์น มาร์เกตติ้ง แพลตฟอร์ม ซึ่งในอีกมุมหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดอย่างโซเชียลเน็ตเวิร์ก จะช่วยให้สามารถรับมือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาให้บริการ”

โดยในปัจจุบัน ประเทศไทย เริ่มมีองค์กรใหญ่ที่มีทีมการตลาดเป็นของตนเอง อย่างผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ธนาคาร ดิจิตอลมาร์เกตติ้ง จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ให้ความสำคัญต่อการทำตลาดด้วยเครื่องมือบนคลาวด์ ที่จะนำจุดเด่นในคลาวด์อย่าง Bussiness Interlegent เพื่อจับข้อมูลเน้นเฉพาะ ดัชนีชี้วัดที่สำคัญ และนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ เพื่อสร้างโอกาสในการขายต่อไป

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 7 สิงหาคม 2557