แซสอวดเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลพลังงาน
Posted: 13 Aug 2014, 08:49
แซสอวดเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลพลังงาน
นาย ซัทยาจิต ดวิเวดิ ผู้อำนวยการด้านพลังงานและการวางแผนกลยุทธ์ SAS Institute Inc. ได้เดินทางมาเยือนไทย และให้สัมภาษณ์พิเศษ
นาย ซัทยาจิต ดวิเวดิ ผู้อำนวยการด้านพลังงานและการวางแผนกลยุทธ์ SAS Institute Inc. ได้เดินทางมาเยือนไทย และให้สัมภาษณ์พิเศษในหัวข้อ “การใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ในอุตสาหกรรมพลังงานและระบบสาธารณูปโภค” (Analytics in Energy & Utilities เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการในไทยได้เห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับอย่างมหาศาลจากซอฟต์แวร์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของแซส ที่นอกจากจะสามารถลดราคาค่าน้ำมัน ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ยังป้องกันน้ำมันรั่ว-โรงไฟฟ้าพัง ก่อนเกิดวิกฤติอีกด้วย
นายซัทยาจิต กล่าวว่า การพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ในระบบพลังงานและสาธารณูปโภคถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับเมืองไทย ทั้งที่โอกาสทางธุรกิจยังมีอยู่มาก เนื่องจากประเทศไทยมีข้อมูลขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้จัดการให้เป็นระบบอยู่จำนวนมหาศาล
แซสจะวิเคราะห์ทั้งสิ้น 3 มิติใหญ่ ๆ คือ การวิเคราะห์เครื่องมือ (Asset Analytics) โดยวิเคราะห์กันตั้งแต่หน่วยแรกของการผลิต อาทิ Energy Forecasting ที่จะบอกได้ว่าตรงไหนที่มีปริมาณน้ำมัน หรือแหล่งพลังงานไฟฟ้าพอที่จะติดตั้งฐานขุดเจาะน้ำมัน หรือโรงไฟฟ้าได้ และ Asset Performance Analytics จะวิเคราะห์และดูแลอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดตามอายุการใช้งาน หรือหากมีปัญหาเกิดขึ้นกับส่วนใด โซลูชั่นส์เหล่านี้ก็จะสามารถบอกได้ทันที เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าไปแก้ไขได้ทันเวลาและตรงจุด ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมัน แม้จะอยู่ในส่วนที่เรามองไม่เห็น อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่หยุดตัวเองลงอย่างกะทันหัน เนื่องจากเราสามารถคาดการณ์ความเสียหายไว้ได้ล่วงหน้า โรงไฟฟ้าต่าง ๆ จึงจะพร้อมทำงานได้ตลอดเวลาไม่มีปัญหาไฟดับต่อเนื่องอย่างที่เคยเป็นมา
มิติที่ 2 คือ การวิเคราะห์ผู้บริโภค (Customer Analytics) เป็นการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค ตามวัย อายุ ช่วงเวลาการใช้งาน และอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ มาผสมกับมิติแรก แล้วก่อให้เกิดมิติที่ 3 นั่นคือ การวิเคราะห์ระบบการจัดการ (Operations Analytics) จะดูแลตั้งแต่เริ่มต้น เช่น การขุด เจาะน้ำมัน ไปจนถึงการขายรีเทลว่าผู้ประกอบการจะจัดการอย่างไร เพื่อก่อให้เกิดรายได้มากที่สุด
“โซลูชั่นส์ของแซส สามารถดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ในด้านของการผลิตเราจะสามารถรู้ได้ทันทีหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ท่อที่เคยส่งน้ำมันมีข้อมูลที่แปลกไป ผู้ประกอบการสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลได้ทันที ตามจุดที่รายงานของแซสได้แจ้งไว้ ปัญหาหรือวิกฤติน้ำมันรั่วอย่างที่เป็นอยู่จะไม่เกิด ทำให้ไม่เกิดการอันแพลน ชัตดาวน์ของอุปกรณ์ หรือท่อส่ง ลดการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่ต้องไปแก้ไขตรงนั้นหลังจากที่เกิดความเสียหายไปแล้ว นอกจากนี้การวิเคราะห์ดีมานด์กับซัพพลายก็สำคัญ ทำให้มีการสต๊อกสินค้าได้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่ามหาศาล ในขณะเดียวกันก็สามารถได้รับผลกระทบค่อนข้างง่าย จะเห็นได้ว่าแม้การลดความเสี่ยงลงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถเพิ่มรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว”
ต่อไปประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะเปิดขึ้น การปรับลดราคาจะเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันทางการตลาด ตรงนี้ไทยจะสู้เขาได้แต่ก็ต้องมีตัวช่วยเข้ามาดูแล เมื่อเป็นเช่นนั้นคนไทยก็จะได้ใช้ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และสาธารณูปโภคในราคาที่เหมาะสม แต่ถ้าไม่เริ่มเสียแต่ตอนนี้ก็อาจจะไม่ทันคู่แข่งแล้ว
นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวเสริมว่า จากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานสถานการณ์ด้านพลังงานปี 2556 ที่ผ่านมา มูลค่าการนำเข้าพลังงาน
จากต่างประเทศสูงถึง 1.42 ล้านล้านบาท ประเทศไทยสามารถผลิตพลังงานส่งออกได้ 357,896 ล้านบาท แต่สถิติการใช้พลังงานในไทยเองสูงถึง 2.13 ล้านล้านบาท แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังขาดดุลเรื่องของการส่งออกพลังงานถึง 1 ล้านล้านบาท
สำหรับเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ ช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายจากปัญหาในการผลิต ตัวอย่างเช่น กรณีน้ำมันรั่วหรือก๊าซรั่วจากโรงงาน ซึ่งหากมีการใช้การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ก็สามารถช่วยป้องกันได้ตั้งแต่ต้น.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 12 สิงหาคม 2557
นาย ซัทยาจิต ดวิเวดิ ผู้อำนวยการด้านพลังงานและการวางแผนกลยุทธ์ SAS Institute Inc. ได้เดินทางมาเยือนไทย และให้สัมภาษณ์พิเศษ
นาย ซัทยาจิต ดวิเวดิ ผู้อำนวยการด้านพลังงานและการวางแผนกลยุทธ์ SAS Institute Inc. ได้เดินทางมาเยือนไทย และให้สัมภาษณ์พิเศษในหัวข้อ “การใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ในอุตสาหกรรมพลังงานและระบบสาธารณูปโภค” (Analytics in Energy & Utilities เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการในไทยได้เห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับอย่างมหาศาลจากซอฟต์แวร์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของแซส ที่นอกจากจะสามารถลดราคาค่าน้ำมัน ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ยังป้องกันน้ำมันรั่ว-โรงไฟฟ้าพัง ก่อนเกิดวิกฤติอีกด้วย
นายซัทยาจิต กล่าวว่า การพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ในระบบพลังงานและสาธารณูปโภคถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับเมืองไทย ทั้งที่โอกาสทางธุรกิจยังมีอยู่มาก เนื่องจากประเทศไทยมีข้อมูลขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้จัดการให้เป็นระบบอยู่จำนวนมหาศาล
แซสจะวิเคราะห์ทั้งสิ้น 3 มิติใหญ่ ๆ คือ การวิเคราะห์เครื่องมือ (Asset Analytics) โดยวิเคราะห์กันตั้งแต่หน่วยแรกของการผลิต อาทิ Energy Forecasting ที่จะบอกได้ว่าตรงไหนที่มีปริมาณน้ำมัน หรือแหล่งพลังงานไฟฟ้าพอที่จะติดตั้งฐานขุดเจาะน้ำมัน หรือโรงไฟฟ้าได้ และ Asset Performance Analytics จะวิเคราะห์และดูแลอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดตามอายุการใช้งาน หรือหากมีปัญหาเกิดขึ้นกับส่วนใด โซลูชั่นส์เหล่านี้ก็จะสามารถบอกได้ทันที เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าไปแก้ไขได้ทันเวลาและตรงจุด ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมัน แม้จะอยู่ในส่วนที่เรามองไม่เห็น อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่หยุดตัวเองลงอย่างกะทันหัน เนื่องจากเราสามารถคาดการณ์ความเสียหายไว้ได้ล่วงหน้า โรงไฟฟ้าต่าง ๆ จึงจะพร้อมทำงานได้ตลอดเวลาไม่มีปัญหาไฟดับต่อเนื่องอย่างที่เคยเป็นมา
มิติที่ 2 คือ การวิเคราะห์ผู้บริโภค (Customer Analytics) เป็นการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค ตามวัย อายุ ช่วงเวลาการใช้งาน และอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ มาผสมกับมิติแรก แล้วก่อให้เกิดมิติที่ 3 นั่นคือ การวิเคราะห์ระบบการจัดการ (Operations Analytics) จะดูแลตั้งแต่เริ่มต้น เช่น การขุด เจาะน้ำมัน ไปจนถึงการขายรีเทลว่าผู้ประกอบการจะจัดการอย่างไร เพื่อก่อให้เกิดรายได้มากที่สุด
“โซลูชั่นส์ของแซส สามารถดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ในด้านของการผลิตเราจะสามารถรู้ได้ทันทีหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ท่อที่เคยส่งน้ำมันมีข้อมูลที่แปลกไป ผู้ประกอบการสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลได้ทันที ตามจุดที่รายงานของแซสได้แจ้งไว้ ปัญหาหรือวิกฤติน้ำมันรั่วอย่างที่เป็นอยู่จะไม่เกิด ทำให้ไม่เกิดการอันแพลน ชัตดาวน์ของอุปกรณ์ หรือท่อส่ง ลดการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่ต้องไปแก้ไขตรงนั้นหลังจากที่เกิดความเสียหายไปแล้ว นอกจากนี้การวิเคราะห์ดีมานด์กับซัพพลายก็สำคัญ ทำให้มีการสต๊อกสินค้าได้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่ามหาศาล ในขณะเดียวกันก็สามารถได้รับผลกระทบค่อนข้างง่าย จะเห็นได้ว่าแม้การลดความเสี่ยงลงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถเพิ่มรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว”
ต่อไปประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะเปิดขึ้น การปรับลดราคาจะเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันทางการตลาด ตรงนี้ไทยจะสู้เขาได้แต่ก็ต้องมีตัวช่วยเข้ามาดูแล เมื่อเป็นเช่นนั้นคนไทยก็จะได้ใช้ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และสาธารณูปโภคในราคาที่เหมาะสม แต่ถ้าไม่เริ่มเสียแต่ตอนนี้ก็อาจจะไม่ทันคู่แข่งแล้ว
นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวเสริมว่า จากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานสถานการณ์ด้านพลังงานปี 2556 ที่ผ่านมา มูลค่าการนำเข้าพลังงาน
จากต่างประเทศสูงถึง 1.42 ล้านล้านบาท ประเทศไทยสามารถผลิตพลังงานส่งออกได้ 357,896 ล้านบาท แต่สถิติการใช้พลังงานในไทยเองสูงถึง 2.13 ล้านล้านบาท แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังขาดดุลเรื่องของการส่งออกพลังงานถึง 1 ล้านล้านบาท
สำหรับเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ ช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายจากปัญหาในการผลิต ตัวอย่างเช่น กรณีน้ำมันรั่วหรือก๊าซรั่วจากโรงงาน ซึ่งหากมีการใช้การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ก็สามารถช่วยป้องกันได้ตั้งแต่ต้น.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 12 สิงหาคม 2557