Page 1 of 1

“พาณิชย์” ตั้งสถาบันพัฒนาการค้าข้าว ดันไทยยึดที่หนึ่งโลก “ปล

Posted: 14 Aug 2014, 14:04
by brid.siriwan
“พาณิชย์” ตั้งสถาบันพัฒนาการค้าข้าว ดันไทยยึดที่หนึ่งโลก “ปลูก-ผลิต-ตลาด”
“พาณิชย์” เดินหน้าตั้งสถาบันพัฒนาศักยภาพการค้าข้าว ดึงทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนร่วมทำงานในรูปคณะกรรมการร่วมทำแผนพัฒนาข้าวไทยอย่างครบวงจร ดันไทยเบอร์หนึ่งของโลกในทุกๆ ด้าน เผยระยะยาว คสช.สั่งจัดหนัก ทั้งการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ตั้งธนาคารข้าว จัดโซนนิ่งเพาะปลูก และตั้งกองทุนช่วยชาวนา

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการจัดตั้งสถาบันพัฒนาศักยภาพการค้าข้าว เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลการค้าและการตลาดเพื่อการพัฒนาการผลิตและแปรรูปข้าวและผลิตภัณฑ์แบบเบ็ดเสร็จ โดยจะมีการบริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการบริหารสถาบัน ซึ่งประกอบด้วยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการเพาะปลูก การผลิต และการตลาด

“สถาบันฯ จะเข้าไปช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ ตั้งแต่การเพาะปลูก การผลิต การสีแปร และการทำตลาดส่งออก โดยจะมีข้อมูลในทุกๆ ด้านอย่างครบวงจร เพื่อทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าวมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องข้าว และจะได้วางแผนการผลิต การทำตลาดได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ไทยเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวในทุกๆ ด้านตามที่ตั้งใจไว้ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับกรมการข้าวในการจัดตั้ง เพื่อไม่ให้การทำงานซ้ำซ้อนกัน” น.ส.ชุติมากล่าว

สำหรับงบประมาณในการจัดตั้ง จะใช้งบประมาณปี 2558 จำนวน 500 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดหาแหล่งเงินให้ และยังมีเงินจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจำนวน 587 ล้านบาท โดยจะนำเงินในส่วนที่เก็บจากค่าธรรมเนียมการส่งออกข้าวไปตลาดสหภาพยุโรป (อียู) มาใช้

น.ส.ชุติมากล่าวว่า การช่วยเหลือเกษตรกรในระยะยาว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เน้นให้มีการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น โดยได้มอบหมายให้กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมพัฒนาที่ดิน ไปถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์ดี การใช้ปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยและสารเคมี ตามคำแนะนำ รวมทั้งผลักดันให้เพิ่มการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนหรือเสริมกับการใช้ปุ๋ยเคมีให้มากขึ้น แต่หากเป็นไปได้ให้หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อผลิตข้าวอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น เพราะแนวโน้มตลาดโลกมีความต้องการสูง และขายได้ราคาดี

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้มีการจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้แก่เกษตรกร ให้มีการกำหนดเขตที่เหมาะสมในการเพาะปลูกข้าว (โซนนิ่ง) เพราะพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการเพาะปลูกข้าวต้องผลักดันให้เกษตรกรไปปลูกพืชเกษตรชนิดอื่นแทน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ทั้งนี้ คสช.ยังมีนโยบายในการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกด้วย โดยอยู่ในแผนบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน และกรมพัฒนาที่ดิน

น.ส.ชุติมากล่าวว่า ส่วนการจัดตั้งกองทุนข้าวและชาวนาแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้ให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งแล้ว ซึ่งจะเข้ามาดูแลในเรื่องปัจจัยการผลิตข้าวและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการผลิตข้าวและดำรงชีพให้แก่ชาวนา รวมทั้งชดเชยรายได้จากการจำหน่ายข้าวเปลือกในภาวะราคาตกต่ำหรือด้วยวิธีการอื่นที่เหมาะสม

โดยเงินกองทุนจะมาจาก 2 ส่วน คือ 1. เก็บจากเงินภาษีของการส่งออกข้าว 0.75% ของมูลค่าการส่งออก หรือเก็บเงินสงเคราะห์เข้ากองทุน โดยเรียกเก็บจากผู้ส่งออกข้าวเป็นอัตราต่อตันแบบขั้นบันไดตามราคาส่งออกข้าว และ 2. เงินสมทบจากชาวนา โดยเก็บเงินชาวนาที่สมัครใจเป็นสมาชิกปีละ 1 ครั้ง ตามอัตราที่กำหนด และรัฐช่วยเงินสมทบของเงินสะสมที่สมาชิกจ่ายในแต่ละปี

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 12 สิงหาคม 2557