บอร์ดทอท.ไฟเขียวงบ24,000ล้าน
Posted: 22 Aug 2014, 10:58
บอร์ดทอท.ไฟเขียวงบ24,000ล้าน
บอร์ดทอท.รับลูก คสช สั่งลงทุนสร้างอาคารใหม่ 2.4 หมื่นล้านแทน หวังรับผู้โดยสารได้ถึง 65 ล้านคน ในปี 61 พร้อมลุยปรับอู่ตะเภารับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ สั่งย้ายด่วน ผอ. ดอนเมือง และเห็นชอบเอ็มดี"เมฆินทร์" ให้ลาออก
นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ทอท.ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารขึ้นใหม่ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) วงเงินรวม 24,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตผู้โดยสารในอนาคตที่จะเกิน 60 ล้านคนในปี 60-62 และทดแทนโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 มูลค่า 6.25 หมื่นล้านบาท ที่ถูกตรวจและชะลอการก่อสร้างออกไปอีก 10 ปี หรือปี 67-70
ทั้งนี้ อาคารผู้โดยสารหลังใหม่อยุ่บริเวณทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน เอ รองรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านคน ซึ่งจะทำให้สุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารได้เป็น 65 ล้านคน และหลังจากนี้จะให้สรุปแผนดำเนินโครงการภายใน 2 เดือน เพื่อเสนอขออนุมัติจากบอร์ด ก่อนเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะเปิดประกวดราคาก่อสร้างได้ในปี 58 และเสร็จภายใน 4 ปี หรือปี 61
สำหรับการก่อสร้างโครงการนี้เป็นไปตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้พิจารณาแนวทางการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที เพราะเป็นพื้นที่ว่างและไม่ได้ทับซ้อนกับโครงการในแผนขยายสุวรรณภูมิระยะ 2 ส่วนแผนการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 จำเป็นต้องชะลอออกไป เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.)
" เดิมแผนขยายสุวรรณภูมิระยะที่ 2 วงเงินลงทุน 6.25 หมื่นล้านบาท จะรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 15-20 ล้านคนต่อปี แต่การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ลงทุนน้อยกว่าเพียง 2.4 หมื่นล้านบาท แต่เกิดประโยชนคุ้มค่ากว่า และยังสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนเท่ากัน โดยมีขนาด 10 หลุมจอดแบบประชิดอาคารด้วย นอกจากนี้หากมีแผนขยายสุวรรณภูมิระยะ 2 ใช้เงินลงทุน 6.25 หมื่นล้านบาทในช่วงนี้ จะทำให้ ทอท.ขาดสภาพคล่องทางการเงินในปี 59-60 ต้องกู้เงินหรือออกพันธบัตร แต่ถ้าก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแทน ทอท.จะไม่มีปัญหาการเงิน เพราะ ทอท.มีเงินสดหมุนเวียน 6 หมื่นล้านบาท อีกทั้งปีนี้ยังคาดว่าจะมีกำไรเกิน 1 หมื่นล้านบาทด้วย"
ประธานบอร์ด ทอท. กล่าวว่า บอร์ดมีมติเห็นชอบตามมติ คสช. เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้กระทรวงคมนาคมประสานกับกองทัพเรือเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 โดย ทอท.จะเข้าไปบริหารสนามบินแห่งนี้ด้วย เพื่อรองรับเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ คาดว่าจะใช้วงเงินลงทุนเพื่อการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลักร้อยล้านบาท ส่วนรันเวย์สามารถใช้งานได้ ในระยะแรกคาดว่าจะรองรับผู้โดยได้ประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ ยังได้มีมติพิจารณาวาระเร่งด่วนให้ย้ายว่าที่ ร.ท.จตุรงคพล สดมณี ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง มาช่วยงานในสำนักงานส่วนกลาง 30 วันเพื่อรอสอบสวนการทำงาน หากจรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติจะกลับไปรับตำแหน่งเดิมได้ พร้อมกับรับทราบการลาออกของนายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.จะมีผลในวันที่ 16 ก.ย.57 นี้ พร้อมกับแต่งตั้งนายนิรันดร์ ธีรนาทสิน กรรมการอิสระ ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. และจะเร่งสรรดำเนินการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ภายใน 3 เดือน โดยยืนยันว่า ในระหว่างนี้นายเมฆินทร์จะยังคงทำงานไปจนกว่าถึงกำหนดลาออก
ขณะเดียวกันแต่งตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ลาออก โดยให้ พลโทกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุมธการ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และการบริหาร เป็นกรรมการอิสระ แทนนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ และพลอากาศโทประกิต ศกุณสิงห์ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศเป็นกรรมการอิสระแทนนายถิรชัย วุฒิธรรม
สำหรับโครงการติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ล่าสุด คตร.ได้พิจารณาให้ทบทวนการดำเนินโครงการ ซึ่งกำลังรอหนังสือแจ้งกลับจากกระทรวงคมนาคม เพื่อปรับเงื่อนไขเรื่องการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะขัดต่อพรระราชบัญญัติการเงืนการคลัง รวมทั้งปรับเงื่อนไขการพิจารณาเดิมพิจารณาด้านเทคนิคและราคา ในสัดส่วน 90 ต่อ 10 ให้เปลี่ยนเป็น 70 ต่อ 30 เพื่อความเป็นธรรมและเปิดกว้างในการประกวดราคา
ส่วนแผนการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 สุวรรณภูมิ ให้ไปทำการสรุปว่าจะสร้างขนาดความยาว 2,900 เมตร ซึ่งต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือขนาด 4,000 เมตร ต้องศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและด้านสิ่งแวดล้อมด้วย โดยต้องเปรียบเทียบแนวทางความเป็นไปได้ที่เกิดประโยชน์คุ้มค่ารวมทั้งผลกระทบทางด้านเสียงที่จะเกิดขึ้น เพื่อจะได้เตรียมวางแผนไว้ล่วงหน้า ซึ่งรันเวย์ที่ 3 จะช่วยแบ่งเบาภาระในกรณีที่จะต้องมีการปิดซ่อมรันเวย์
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 21 สิงหาคม 2557
บอร์ดทอท.รับลูก คสช สั่งลงทุนสร้างอาคารใหม่ 2.4 หมื่นล้านแทน หวังรับผู้โดยสารได้ถึง 65 ล้านคน ในปี 61 พร้อมลุยปรับอู่ตะเภารับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ สั่งย้ายด่วน ผอ. ดอนเมือง และเห็นชอบเอ็มดี"เมฆินทร์" ให้ลาออก
นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ทอท.ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารขึ้นใหม่ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) วงเงินรวม 24,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตผู้โดยสารในอนาคตที่จะเกิน 60 ล้านคนในปี 60-62 และทดแทนโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 มูลค่า 6.25 หมื่นล้านบาท ที่ถูกตรวจและชะลอการก่อสร้างออกไปอีก 10 ปี หรือปี 67-70
ทั้งนี้ อาคารผู้โดยสารหลังใหม่อยุ่บริเวณทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน เอ รองรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านคน ซึ่งจะทำให้สุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารได้เป็น 65 ล้านคน และหลังจากนี้จะให้สรุปแผนดำเนินโครงการภายใน 2 เดือน เพื่อเสนอขออนุมัติจากบอร์ด ก่อนเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะเปิดประกวดราคาก่อสร้างได้ในปี 58 และเสร็จภายใน 4 ปี หรือปี 61
สำหรับการก่อสร้างโครงการนี้เป็นไปตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้พิจารณาแนวทางการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที เพราะเป็นพื้นที่ว่างและไม่ได้ทับซ้อนกับโครงการในแผนขยายสุวรรณภูมิระยะ 2 ส่วนแผนการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 จำเป็นต้องชะลอออกไป เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.)
" เดิมแผนขยายสุวรรณภูมิระยะที่ 2 วงเงินลงทุน 6.25 หมื่นล้านบาท จะรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 15-20 ล้านคนต่อปี แต่การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ลงทุนน้อยกว่าเพียง 2.4 หมื่นล้านบาท แต่เกิดประโยชนคุ้มค่ากว่า และยังสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนเท่ากัน โดยมีขนาด 10 หลุมจอดแบบประชิดอาคารด้วย นอกจากนี้หากมีแผนขยายสุวรรณภูมิระยะ 2 ใช้เงินลงทุน 6.25 หมื่นล้านบาทในช่วงนี้ จะทำให้ ทอท.ขาดสภาพคล่องทางการเงินในปี 59-60 ต้องกู้เงินหรือออกพันธบัตร แต่ถ้าก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแทน ทอท.จะไม่มีปัญหาการเงิน เพราะ ทอท.มีเงินสดหมุนเวียน 6 หมื่นล้านบาท อีกทั้งปีนี้ยังคาดว่าจะมีกำไรเกิน 1 หมื่นล้านบาทด้วย"
ประธานบอร์ด ทอท. กล่าวว่า บอร์ดมีมติเห็นชอบตามมติ คสช. เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้กระทรวงคมนาคมประสานกับกองทัพเรือเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 โดย ทอท.จะเข้าไปบริหารสนามบินแห่งนี้ด้วย เพื่อรองรับเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ คาดว่าจะใช้วงเงินลงทุนเพื่อการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลักร้อยล้านบาท ส่วนรันเวย์สามารถใช้งานได้ ในระยะแรกคาดว่าจะรองรับผู้โดยได้ประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ ยังได้มีมติพิจารณาวาระเร่งด่วนให้ย้ายว่าที่ ร.ท.จตุรงคพล สดมณี ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง มาช่วยงานในสำนักงานส่วนกลาง 30 วันเพื่อรอสอบสวนการทำงาน หากจรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติจะกลับไปรับตำแหน่งเดิมได้ พร้อมกับรับทราบการลาออกของนายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.จะมีผลในวันที่ 16 ก.ย.57 นี้ พร้อมกับแต่งตั้งนายนิรันดร์ ธีรนาทสิน กรรมการอิสระ ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. และจะเร่งสรรดำเนินการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ภายใน 3 เดือน โดยยืนยันว่า ในระหว่างนี้นายเมฆินทร์จะยังคงทำงานไปจนกว่าถึงกำหนดลาออก
ขณะเดียวกันแต่งตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ลาออก โดยให้ พลโทกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุมธการ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และการบริหาร เป็นกรรมการอิสระ แทนนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ และพลอากาศโทประกิต ศกุณสิงห์ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศเป็นกรรมการอิสระแทนนายถิรชัย วุฒิธรรม
สำหรับโครงการติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (เอพีพีเอส) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ล่าสุด คตร.ได้พิจารณาให้ทบทวนการดำเนินโครงการ ซึ่งกำลังรอหนังสือแจ้งกลับจากกระทรวงคมนาคม เพื่อปรับเงื่อนไขเรื่องการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะขัดต่อพรระราชบัญญัติการเงืนการคลัง รวมทั้งปรับเงื่อนไขการพิจารณาเดิมพิจารณาด้านเทคนิคและราคา ในสัดส่วน 90 ต่อ 10 ให้เปลี่ยนเป็น 70 ต่อ 30 เพื่อความเป็นธรรมและเปิดกว้างในการประกวดราคา
ส่วนแผนการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 สุวรรณภูมิ ให้ไปทำการสรุปว่าจะสร้างขนาดความยาว 2,900 เมตร ซึ่งต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือขนาด 4,000 เมตร ต้องศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและด้านสิ่งแวดล้อมด้วย โดยต้องเปรียบเทียบแนวทางความเป็นไปได้ที่เกิดประโยชน์คุ้มค่ารวมทั้งผลกระทบทางด้านเสียงที่จะเกิดขึ้น เพื่อจะได้เตรียมวางแผนไว้ล่วงหน้า ซึ่งรันเวย์ที่ 3 จะช่วยแบ่งเบาภาระในกรณีที่จะต้องมีการปิดซ่อมรันเวย์
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 21 สิงหาคม 2557