ไอดีซีชี้ผู้บริโภคขับเคลื่อนไอซีที

[brid.kavee]

ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824


View Profile Email


ไอดีซีชี้ผู้บริโภคขับเคลื่อนไอซีที
« on: February 13, 2013, 09:37:07 am »

ไอดีซีชี้ผู้บริโภคขับเคลื่อนไอซีที

ไอดีซี เผยแนวโน้มไอซีทีไทย ปี56คอนซูเมอร์ขับเคลื่อนการใช้จ่าย ขณะที่เทคโนโลยีคลาวด์- โมบิลิตี-โซเชียลบิสิเนส-บิ๊กดาต้า แรงผลักดันตลาดเติบโต พร้อมฟันธงตลาดสมาร์ทโฟนไทยปีนี้ยอดแตะ 7 ล้านเครื่อง

อรรถพล สาธิตคณิตกุลอรรถพล สาธิตคณิตกุล ขณะที่แท็บเลตกระแสยังแรงยอดเติบโตสูง ส่วนพีซีตลาดยังชะลอต่อเนื่อง
นายอรรถพล สาธิตคณิตกุล ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยและที่ปรึกษา บริษัทไอดีซี ประเทศไทย จำกัด บริษัทวิจัยตลาดไอที เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่รูปแบบตลาดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอิทธิพลการใช้จ่ายจากผู้บริโภค หรือคอนซูเมอร์ จะกลายมาเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนการใช้จ่ายด้านไอซีทีของประเทศ โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคปีนี้จะอยู่ราว 55% ของการใช้จ่ายทั้งหมดในปี 2556 จากเดิมมีสัดส่วนประมาณ 50%
ขณะที่รูปแบบการให้บริการด้านไอซีทีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง (IT Services Business Model) การประยุกต์ใช้อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ในภาคธุรกิจอย่างแพร่หลายประกอบกับการให้บริการเต็มรูปแบบของการสื่อสารแบบ 3G จากผู้ให้บริการทุกราย สิ่งต่าง ๆเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้วยกันทั้งสิ้น ไอดีซีเชื่อว่า การเติบโตและการใช้งานทางด้านไอซีทีของประเทศไทยในปีนี้จะเกี่ยวข้องกับแรงขับเคลื่อนหลักทั้ง 4 ประการ ได้แก่ คลาวด์ (Cloud) ,การใช้งานแบบเคลื่อนที่ หรือ โมบิลิตี , การใช้โซเชียลมีเดียทางธุรกิจ หรือ โซเชียลบิสิเนส และ ปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้า
สำหรับการเปลี่ยนแปลงกลุ่มคอนซูเมอร์ที่สำคัญนั้นปีที่ผ่านมาจะเห็นการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์สำหรับการทำงานในองค์กรและการใช้งานส่วนตัว หรือที่เรียกว่าคอนซูเมอร์ไลซ์ แต่ปีนี้เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงสำหรับคอนซูเมอร์ที่สำคัญ คือ คอนซูเมอร์มีการยกระดับการใช้งานไปในระดับที่สูงขึ้น กล่าวคือ คอนซูเมอร์จะมีอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ มากกว่า 1 เครื่องในการใช้งานในองค์กร หรือใช้งานส่วนตัว และภาพสร้างสภาวะแวดล้อมการใช้งานของตัวเองขึ้นมา โดยจะเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัวบนคลาวด์บนไอคลาวด์ หรือ สกายไดรฟ์ และสามารถเชื่อมโยงหรือซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้งานแต่ละเครื่องได้ทุกที่ทุกเวลา
ส่วนในภาคธุรกิจนั้น ปีนี้จะเห็นการเปลี่ยนแบบรูปแบบของบริการไอทีสำหรับลูกค้าองค์กร โดยเดิมจะเห็นผู้ผลิต หรือ ผู้วางระบบ (เอสไอ) มุ่งนำเสนอฮาร์ดแวร์ และบริการซ่อมบำรุง แต่ในปีนี้จะเห็นบริการเอาต์ซอร์สซิ่ง ยุค 3.0 ที่ตอบโจทย์องค์กรธุรกิจมากขึ้น โดยมีการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง นอกจากนี้จะเห็นบริการบริหารจัดการระบบที่หลากหลายขององค์กรมากขึ้น เนื่องจากองค์กรมีการใช้งานอุปกรณ์หลากหลายระบบ หลากหลายยี่ห้อ
ส่วนภาพรวมตลาดอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ปีนี้นั้นสมาร์ทโฟน จะมีตัวเลขซื้อขายประมาณ 7 ล้านเครื่อง โดยตลาดที่มีการเติบโตจะอยู่ที่สมาร์ทโฟน ระดับกลาง ระดับราคาตั้งแต่ 8,000-14,500 บาท และระดับบน ราคา 18,000 - 24,000 บาท โดยขณะนี้จะเห็นแบรนด์จีน และเฮาส์แบรนด์ รวมถึงผู้ผลิตแบรนด์ไอที เข้ามาแข่งขันในตลาดดังกล่าวมากขึ้น
ขณะที่สมาร์ทโฟนระดับล่าง ระดับราคา 3,000-5,000 บาทนั้นตลาดดังกล่าวจะมุ่งการแข่งขันด้านราคาอย่างเดียว ส่วนการแข่งขันด้านระบบปฏิบัติการ หรือแพลตฟอร์มนั้นขณะนี้มี 4 ระบบปฏิบัติการหลักที่มีการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน คือ ไอโอเอส แอนดรอยด์ วินโดว์สโฟน 8 และ แบล็คเบอร์รี่ 10 แต่ประมาณกลางปี จะเหลือแพลตฟอร์มที่โดดเด่นอยู่ 2 แพลตฟอร์ม โดยแพลตฟอร์มอันดับ 1 และ 2 จะมีส่วนแบ่งตลาดห่างจากอันดับ 3 และ 4 หลายเท่าตัว
นายอรรถพล กล่าวต่ออีกว่าขณะที่ตลาดแท็บเลตนั้นกระแสการเติบโตยังอยู่ที่ตัวเลข 2 หลัก โดยมีอัตราการเติบโตสูงกว่าสมาร์ทโฟน เนื่องจากมีการจัดซื้อแท็บเลตของรัฐบาล ส่วนตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือพีซีนั้นปีนี้จะเป็นอีกปีที่ตลาดจะมีตัวเลขการเติบโตเป็นตัวเลขตัวเดียว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกระแสนิยมแท็บเลต และสมาร์ทโฟน ซึ่งโดยภาพรวมแล้วแม้ตลาดไอทีไทยอยู่ในตลาดที่กำลังพัฒนา แต่ในแง่ของคอนซูเมอร์ มีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยสินค้าไอที ในระดับประเทศที่พัฒนาแล้ว อีกทั้งยังมีความแปรผันอย่างรวดเร็ว

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,817 วันที่ 10 - 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556