กกพ. เคาะตรึงค่าเอฟที 69 สต./หน่วย งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.57
Posted: 28 Aug 2014, 17:29
กกพ. เคาะตรึงค่าเอฟที 69 สต./หน่วย งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.57
กกพ. ตรึงค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 57 ที่ 69.00 สตางค์/หน่วย ให้ กฟผ.รับภาระส่วนที่เหลือชั่วคราว หวังแบ่งเบาภาระผู้ใช้ไฟฟ้า...
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยภายหลังจากการประชุม กกพ. ได้พิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) สำหรับการเรียกเก็บในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 โดยในที่ประชุมได้พิจารณาผลการคำนวณค่า Ft ในอัตรา 71.66 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 2.66 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับค่า Ft งวดที่ผ่านมาจำนวน 69.00 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ กกพ. ได้พิจารณาถึงสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและผลกระทบที่จะมีต่อผู้ใช้ไฟฟ้าแล้ว จึงมีมติให้เรียกเก็บค่า Ft งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 โดย กกพ. ได้มีมติเห็นชอบให้คงค่าเอฟทีไว้ที่ 69.00 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับค่า Ft ในงวดก่อน (พ.ค.-ส.ค. 57) และให้ กฟผ. รับภาระในส่วนที่เหลือเป็นการชั่วคราวไปก่อนจำนวน 2.66 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงิน 1,426 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามากเกินไป
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับค่า Ft ในงวดนี้ มาจากภาระคงค้างสะสมที่ กฟผ. รับภาระแทนผู้ใช้ไฟฟ้าในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมาจำนวน 2,942 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประมาณการต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเฉพาะงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม มีค่าต่ำกว่าในงวดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงในช่วงฤดูหนาวของทุกปี
ทั้งนี้ ปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 ดังนี้
1. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าคาดว่าจะเท่ากับ 58,414 ล้านหน่วย ต่ำกว่าช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 ร้อยละ 6.54 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มลดลงทุกปี
2. อัตราแลกเปลี่ยนช่วงปลายปีมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 เนื่องจากความเชื่อมั่นทางการเมืองภายในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
3. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 เมื่อเทียบกับงวดที่ผ่านมา (พฤษภาคม-สิงหาคม 2557) คาดว่าจะใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงร้อยละ 3.29 ถ่านหินนำเข้าลดลง ร้อยละ 19.74 ซื้อไฟฟ้าจากลาว มาเลเซียและอื่นๆ ลดลงร้อยละ 0.45 ไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลดลงร้อยละ 17.38 ในส่วนของราคาเชื้อเพลิง คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะอยู่ที่ 321.40 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา 2.28 บาทต่อล้านบีทียู น้ำมันเตาจะอยู่ที่ 27.89 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.05 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ 27.09 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.65 บาทต่อลิตร และถ่านหินนำเข้าจะอยู่ที่ 2,550.51 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 135.47 บาทต่อตัน
อย่างไรก็ตาม จากการกำหนดค่า Ft เรียกเก็บงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 ในอัตรา 69.00 สตางค์ต่อหน่วย จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.96 บาทต่อหน่วย และจากมติ กกพ. ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม-3 กันยายน 2557 ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่า Ft สำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 28 ส.ค. 2557
กกพ. ตรึงค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 57 ที่ 69.00 สตางค์/หน่วย ให้ กฟผ.รับภาระส่วนที่เหลือชั่วคราว หวังแบ่งเบาภาระผู้ใช้ไฟฟ้า...
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยภายหลังจากการประชุม กกพ. ได้พิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) สำหรับการเรียกเก็บในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 โดยในที่ประชุมได้พิจารณาผลการคำนวณค่า Ft ในอัตรา 71.66 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 2.66 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับค่า Ft งวดที่ผ่านมาจำนวน 69.00 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ กกพ. ได้พิจารณาถึงสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและผลกระทบที่จะมีต่อผู้ใช้ไฟฟ้าแล้ว จึงมีมติให้เรียกเก็บค่า Ft งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 โดย กกพ. ได้มีมติเห็นชอบให้คงค่าเอฟทีไว้ที่ 69.00 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับค่า Ft ในงวดก่อน (พ.ค.-ส.ค. 57) และให้ กฟผ. รับภาระในส่วนที่เหลือเป็นการชั่วคราวไปก่อนจำนวน 2.66 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงิน 1,426 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามากเกินไป
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับค่า Ft ในงวดนี้ มาจากภาระคงค้างสะสมที่ กฟผ. รับภาระแทนผู้ใช้ไฟฟ้าในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมาจำนวน 2,942 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประมาณการต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเฉพาะงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม มีค่าต่ำกว่าในงวดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงในช่วงฤดูหนาวของทุกปี
ทั้งนี้ ปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 ดังนี้
1. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าคาดว่าจะเท่ากับ 58,414 ล้านหน่วย ต่ำกว่าช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 ร้อยละ 6.54 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มลดลงทุกปี
2. อัตราแลกเปลี่ยนช่วงปลายปีมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 เนื่องจากความเชื่อมั่นทางการเมืองภายในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
3. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 เมื่อเทียบกับงวดที่ผ่านมา (พฤษภาคม-สิงหาคม 2557) คาดว่าจะใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงร้อยละ 3.29 ถ่านหินนำเข้าลดลง ร้อยละ 19.74 ซื้อไฟฟ้าจากลาว มาเลเซียและอื่นๆ ลดลงร้อยละ 0.45 ไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลดลงร้อยละ 17.38 ในส่วนของราคาเชื้อเพลิง คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะอยู่ที่ 321.40 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา 2.28 บาทต่อล้านบีทียู น้ำมันเตาจะอยู่ที่ 27.89 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.05 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ 27.09 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.65 บาทต่อลิตร และถ่านหินนำเข้าจะอยู่ที่ 2,550.51 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 135.47 บาทต่อตัน
อย่างไรก็ตาม จากการกำหนดค่า Ft เรียกเก็บงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2557 ในอัตรา 69.00 สตางค์ต่อหน่วย จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.96 บาทต่อหน่วย และจากมติ กกพ. ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม-3 กันยายน 2557 ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่า Ft สำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 28 ส.ค. 2557