Page 1 of 1

การวางแผนการเงินสำหรับคนทำงานที่เริ่มมีครอบครัว

Posted: 30 Sep 2014, 16:23
by brid.siriwan
การวางแผนการเงินสำหรับคนทำงานที่เริ่มมีครอบครัว
การสร้างครอบครัวเป็นบทสรุปของคนวัยหนุ่มสาว เมื่อพบเจอคนที่ถูกใจ ยูกดไลค์ ไอก็กดเลิฟ เมื่อถึงจุดที่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วนั้น คงหนีไม่พ้นต้องมานั่งวางแผนการเงินร่วมกัน เพราะเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว เป้าหมายในชีวิตคงไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ควรเป็นของคนสองคนร่วมกัน จึงควรมานั่งวางแผนด้วยกัน

ก่อนแต่งงานแต่ละคนอาจมีรายได้ และค่าใช้จ่าย เมื่อแต่งงานกันแล้วควรจะต้องมีการวางแผนร่วมกัน ว่ารายได้ของแต่ละฝ่ายเป็นเท่าไหร่ รายจ่ายมีอะไรบ้าง ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรืออาจกำหนดเป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัว แล้วกำหนดเป็นกองกลาง ที่แต่ละฝ่ายต้องนำรายได้มาร่วมกันรับผิดชอบเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ฝันไว้ร่วมกัน ดังนั้นการทำประมาณการรายได้รายจ่ายของครอบครัวจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับครอบครัวใหม่***

ก่อนจะเริ่มลงทุนครอบครัวควรมีเงินออมสำหรับรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยควรมีสภาพคล่องอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่าย การลงทุนของครอบครัวนั้นอาจต้องผสมผสานความเสี่ยงของสามีและภรรยาเพื่อให้เกิดความสมดุล และเพื่อความสบายใจของทั้งคู่ ดังนั้นคงต้องประเมินว่าสามีภรรยาของเราเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด

การวางแผนการเงินระยะยาวที่มีเป้าหมายเกิน 15-20 ปีขึ้นไป สามารถเลือกลงทุนในหุ้นได้ เพราะการลงทุนในหุ้นระยะยาวจะช่วยให้ปลอดภัยจากรอบวัฏจักรเศรษฐกิจ (Business Cycle) ซึ่งกินระยะเวลาประมาณ 10-13 ปี ควรกระจายการลงทุนออกไปในหุ้นหลายๆ ตัว โดยบริหารเป็นพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดตัว หากไม่มีเวลา หรือไม่สามารถติดตามหุ้นเป็นรายตัวได้ ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ซึ่งมีความหลากหลายในนโยบายการลงทุน มีการบริหารความเสี่ยงจากผู้จัดการกองทุน ซึ่งใกล้ชิดข้อมูลและมีความรู้มากกว่าเรา

สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ*** เรื่องการจดทะเบียนสมรสหรือไม่*** เพราะจะมีผลติดตามมาในเรื่องของกฎหมายและภาระผูกพัน เนื่องจากกฎหมายถือว่าสามีภรรยาที่สมรสกันนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน การทำนิติกรรมบางประการต้องทำร่วมกัน เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เรื่องที่ต้องพิจารณาต่อมาคือ ภาษี สินสมรสและมรดก

ในแง่ของภาษี หากเป็นครอบครัวมีรายได้ทางเดียว คือ สามีหรือภรรยาเป็นผู้มีรายได้ จะสามารถนำคู่สมรส รวมทั้งบิดามารดาของคู่สมรส ค่าเบี้ยประกันของบิดามารดาคู่สมรส มาหักเป็นค่าลดหย่อนเพิ่มเติมได้ หากไม่ได้จดทะเบียนสมรส ต่างฝ่ายต่างมีรายได้ ซึ่งสามารถแยกยื่นภาษีได้อยู่แล้ว ปัญหาข้อนี้อาจไม่เป็นเรื่องสำคัญนัก

ด้านการวางแผนมรดก การจดทะเบียนสมรสทำให้เกิดทรัพย์สินส่วนกลางของคนสองคน ที่เรียกว่าสินสมรส คือ ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างการสมรส ต้องพิจารณาก่อนว่า ทรัพย์สินนั้นเป็นสินสมรส หรือสินส่วนตัว และเมื่อหักด้วยหนี้สินแล้ว เหลือเป็นสินสมรสสุทธิเท่าไหร่ การวางแผนมรดกจะทำได้กับสินส่วนตัวและสินสมรสในส่วนของตนเท่านั้น

สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ ***แผนการมีบุตร*** การวางแผนการศึกษาให้แก่ลูกเป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสนใจเป็นเรื่องต้นๆ เพราะเราคงต้องยอมรับว่า การศึกษาของลูกคือปัจจัยที่สำคัญสู่ความสำเร็จของเขาในอนาคต

นอกจากนี้ ควรพิจารณาเรื่องการปกป้องความเสี่ยงด้านการเงิน หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ใครจะเป็นคนดูแล ดังนั้นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ การวางแผนประกัน ซึ่งควรพิจารณาทั้งเรื่องทุนประกันชีวิต การจัดการภาระหนี้ทั้งหมด และมีค่าใช้จ่ายก้อนหนึ่งไว้ให้ครอบครัว เพื่อให้เวลาในการปรับตัว นอกจากนี้ยังควรดูเรื่องค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง หรืออุบัติเหตุ ควรมีพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านี้

สุดท้ายการวางแผนเกษียณ คงต้องมาทบทวนร่วมกันว่าจะเกษียณเมื่อไหร่ จะเกษียณพร้อมกันหรือไม่ในกรณีที่คู่สมรสมีอายุที่แตกต่างกันพอสมควร หลังเกษียณจะใช้ชีวิตอย่างไร เพื่อกำหนดแผนการเกษียณที่เหมาะสมสำหรับทั้งคู่

ทั้งนี้ทั้งนั้น ความฝันหรือเป้าหมายของคนทั้งสองคนจะบรรลุหรือไม่ คงขึ้นกับความมีวินัย และความอดทนของทั้งคู่ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จนบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ขอให้มีควาสุขสมหวัง รักกันนานๆ นะครับ

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 29 กันยายน 2557