Page 1 of 1

อีไอซีเปิดมุมมองเศรษฐกิจไทยเสนอ 3แนวทางใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง

Posted: 08 Oct 2014, 15:22
by brid.siriwan
อีไอซีเปิดมุมมองเศรษฐกิจไทยเสนอ 3แนวทางใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของไทย ยกระดับ-เพิ่มโอกาสธุรกิจ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรืออีไอซี ประเมินการขาดแคลนแรงงานของไทย การลงทุนในระดับต่ำ และผลิตภาพที่ชะลอลงมาก ส่งผลไทยเติบโตระยะกลางเฉลี่ย3.5% เสนอแนะ 3 แนวทางยกระดับ-เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ชี้ประเทศไทยเข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ทั้งวิกฤตภายในและนอกประเทศ เป็นความท้าทายที่บดบังศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ Chief Economist และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนาประจำปี “EIC Conference: Thailand in Transformation” ว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วงผ่านมา ส่วนหนึ่งสะท้อนการที่ไทยประสบกับความท้าทายค่อนข้างมากจากทั้งวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2011 และความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นระยะ

ความท้าทายเหล่านี้ได้บดบังศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ลดลง ขณะที่ ภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจกำลังจะเปลี่ยนไป อันได้แก่ ต้นทุนการกู้ยืมของโลกที่เพิ่มขึ้น การปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีน บทบาทของอาเซียนที่ทวีความสำคัญในฐานะคู่แข่งของไทย และการที่ไทยไม่สามารถพึ่งพาการก่อหนี้เพื่อสนับสนุนการเติบโตได้อย่างในอดีต ซึ่งภาวะดังกล่าวจะทำให้แรงหนุนของเศรษฐกิจไทยในอนาคตหดหายไป และความอ่อนแอของพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์หรืออีไอซี ประเมินว่าการขาดแคลนแรงงานของไทยทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ รวมถึงการลงทุนที่อยู่ในระดับต่ำในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงวิกฤตปี 1997 อีกทั้ง ผลิตภาพที่ชะลอลงค่อนข้างมาก จะทำให้ศักยภาพในการเติบโตของประเทศไทยในระยะกลางเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5% เท่านั้น คำถามที่สำคัญคือ เราจะทำอย่างไรเพื่อยกระดับการเติบโตของประเทศ

ดังนั้น อีไอซีจึงนำเสนอ 3 แนวทางเพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของประเทศไทยในการยกระดับศักยภาพในการเติบโต แนวทางแรกคือ ขับเคลื่อนประเทศไปสู่ห่วงโซ่การผลิตที่ใช้นวัตกรรมที่สูงขึ้น โดยทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับอุปสงค์ในตลาดโลก และการกระตุ้นให้ภาคเอกชนของไทยสนใจลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา เช่น การสร้างศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ผลิตไทยในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้ไทยสามารถขยับไปสู่ห่วงโซ่การผลิตที่สูงขึ้น

แนวทางที่สองคือ แสวงหาตลาดผู้บริโภคใหม่ๆ โดยการเสริมสร้างศักยภาพให้ SMEs ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ตัวอย่างเช่น การปรับโครงสร้าง BOI เพื่อให้บริการที่ครอบคลุมการทำธุรกิจในต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับธุรกิจไทยในการบุกเบิกตลาดที่มีโอกาสทางธุรกิจสูง เช่น ตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) และกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทยและนักท่องเที่ยว ซึ่งมีความต้องการสินค้าและบริการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

แนวทางที่สามคือ ปรับตัวให้เข้ากับโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป ซึ่งธุรกิจควรปรับกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภคจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว และบทบาทที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม Gen Y (ผู้ที่เกิดในช่วงปี 1981-2000) ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 28% ของประชากร ใกล้เคียงกับกลุ่มผู้สูงอายุ และมีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่แตกต่างชัดเจนจากประชากรกลุ่มอื่นๆ

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 7 ตุลาคม 2557