พบเครื่องช่วยรักษามะเร็งเต้านม

[brid.siriwan]

พบเครื่องช่วยรักษามะเร็งเต้านม

สถาบันมะเร็งฯ วิจัย พบ เครื่องออนโตเทอร์เมียร์ ร่วมเคมีบำบัดช่วยยุบก้อนมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายได้ ส่วนมะเร็งตับแม้ไม่หายขาด แต่ยืดอายุผู้ป่วยออกไปได้ เตรียมศึกษาเพิ่ม หากประสิทธิภาพดี เตรียมของบประมาณซื้อเพิ่ม

วันที่10ต.ค. นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวในการแถลงข่าว"การใช้ Oncothermia รักษามะเร็งครั้งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน"ว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยทั่วโลกมีผู้ป่วยรายใหม่ 12.7 ล้านราย การรักษามะเร็งให้ดีจำเป็นต้องมีการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเพื่อค้นหาผู้ป่วย ร่วมกับการส่งเสริมสุขภาพ ที่สำคัญคือจะต้องตรวจวินิจฉัยให้เร็วเพราะการรักษาแต่เริ่มแรกมีโอกาสหายขาดได้ ซึ่งที่ผ่านมาสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ทำการศึกษาวิจัยใช้เครื่องออนโตเทอร์เมียร์ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมซึ่งเป็นโรคอันดับหนึ่งของผู้หญิงไทยและโรคตับซึ่งเป็นโรคอันดับหนึ่งในชายไทย และเตรียมเสนอผ่านกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ในการจัดซื้อเครื่องดังกล่าวไปไว้ที่ศูนย์มะเร็งของกรมการแพทย์ที่ จ.ลำปางจ.อุดรธานี จ.อุบลราชธานี จ.ลพบุรี จ.ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น

นพ.วีรวุฒิอิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า โรคมะเร็งตับมีสาเหตุมาจากการตัดเชื้อไวรัสและพยาธิใบไม้ในตับ ส่วนใหญ่ประมาณ 85-90 % มาพบแพทย์ เมื่อโรคมีความรุนแรงที่ระดับ 3-4 แล้วการรักษาทำได้ด้วยการฉีดเคมีบำบัด แต่อัตราการมีชีวิตรอดเพียง 2-3 เดือน เท่านั้น ส่วนมะเร็งเต้านมนั้นหากเป็นระยะที่ 1 สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีอัตราการรอดชีวิต 5 ปีถึง 100 % แต่หากโรคมะเร็งเข้าสู่ระยะที่ 2,3,4 แล้วนั้นโอกาสในการมีชีวิตรอดจะยิ่งน้อยลงเรื่อยถึง 50% ดังนั้นสถาบันฯมีการวิจัยการรักษามะเร็งด้วยการใช้ความร้อน ความเย็น เป็นต้น ซึ่งโดยเฉพาะการศึกษาใช้ความร้อนในการรักษาด้วยเครื่องออนโคเทอร์เมียนั้นจะใช้ความร้อนอุณหภูมิ42-43 องศาเซลเซียส ยิงเฉพาะจุดที่เกิดมะเร็ง เพื่อเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติและไม่เกิดการอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น จากนี้จะขยายการศึกษาวิจัยหาประสิทธิภาพในการรักษาในผู้ป่วยรายบุคคลรวมถึงเพิ่มอัตราการอยู่รอดในระยะยาวของผู้ป่วย ลดโอกาสเกิดโรคซ้ำ

ด้านนพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้ช่วย ผอ.ด้านการวิจัย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่าทีมวิจัยเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ ธ.ค. 2555 ในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งตับก่อนเพราะพบมากเป็นอันดับหนึ่งในคนไทย โดยแบ่งงานวิจัยเป็น 2 โครงการย่อยเพื่อเปรียบเทียบผลคือ 1.ศึกษาแบบสุ่มเปรียบเทียบอัตราการยุบของก้อนมะเร็งเต้านมระหว่างผู้ป่วยระยะที่ 3 ที่ใช้ออนโตเทอร์เมียร์ร่วมกับยาเคมีบำบัดกับผู้ป่วยระยะ 3 ที่ใช้เคมีบำบัดอย่างเดียว จำนวน 30 ราย ผู้ป่วยตอบสนองจนก้อนมะเร็งหายหมดถึง 22% และ 2.ศึกษาแบบสุ่มเปรียบเทียบเวลาการมีชีวิตรอดของผู้ป่วยมะเร็งตับระยะท้ายที่ได้รับการรักษาด้วยเครื่องออนโตเทอร์เมียร์กับผู้ป่วยมะเร็งตับที่ให้การรักษาแบบประคับประคองจำนวน 22 ราย 25%มีระยะเวลาเฉลี่ยการมีชีวิตรอดกลุ่มที่ตอบสนองต่อการรักษาคือ 15.3 เดือน ผู้ที่ไม่ตอบสนองอยู่ที่ 2.7 เดือนและกลุ่มควบคุมที่รักษาแบบประคับประคองอย่างเดียวอยู่ที่ 2.2เดือน

" การใช้วิธีการนี้รักษาไม่มีข้อจำกัดของผู้ป่วยแต่เนื่องจากผู้ป่วยระยะเริ่มต้นมีการรักษามาตรฐาน เช่น การผ่าตัด การฉายแสงการให้เคมีบำบัดให้ผลดีอยู่แล้ว แต่ผู้ป่วยระยะที่ 3 เป็นต้นไปจะเป็นการรักษาแบบประคับประคองจึงนำการรักษานี้มาใช้เป็นทางเลือกช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยและอัตราการอยู่รอดของผู้ป่วยมากขึ้นอย่างไรก็ตามควรมีการศึกษาเพิ่มเติมว่าผู้ป่วยรายใดใช้ประโยชน์จากการักษาวิธีนี้แล้วได้ผลก่อนนำมาใช้เป็นแนวทางการรักษาในวงกว้าง"นพ.สมชาย กล่าว และว่า จากการทดลองทั้งหมดไม่พบผู้ป่วยรายใดมีผลแทรกซ้อนจากการรักษาส่วนก้อนมะเร็งเต้านมที่ยุบทั้งหมดจะต้องมีการศึกษาระยะยาวว่าในเวลา 5 ปี จะกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่

นพ.สมชายกล่าวว่า สำหรับการทำงานของเครื่องออนโตเทอร์เมียร์ จะให้ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงที่ด้านล่างเป็นน้ำเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย แล้วเครื่องดังกล่าวจะยิงคลื่นวิทยุ ความร้อน 42-43องศาเซลเซียส ซึ่งจะเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งใช้น้ำตาลเป็นพลังงานและช่วยให้ยาเคมีบำบัดสามารถเข้าไปทำลายก้อนมะเร็งได้มากขึ้นทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ง่ายขึ้นกว่าการให้เคมีบำบัดอย่างเดียว โดยในส่วนของมะเร็งตับจะทำให้หยุดการอักเสบและสามารถสร้างตัวเองขึ้นมาได้ใหม่ตามกระบวนการปกติ.


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 10 ตุลาคม 2557