Page 1 of 1

ธปท.เป่ากระหม่อมสื่อต่างชาติ

Posted: 13 Oct 2014, 16:15
by brid.siriwan
ธปท.เป่ากระหม่อมสื่อต่างชาติ

ผู้ว่าฯ ธปท. แจงสื่อต่างชาติ ย้ำเศรษฐกิจไทยโตตามศักยภาพ ยืนยันนโยบายการเงินเพียงพอดูแลเศรษฐกิจ

นายจิรเทพ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่านายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ได้ชี้แจงให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกา เข้าใจถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทย โดยยืนยันว่าสถานการณ์ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง ทำให้การบริโภคกลับเข้าสู่แนวโน้มปกติ จึงเชื่อว่าความต้องการใช้จ่ายที่ชะลอตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้ ก็น่าจะกลับมาเป็นปกติเช่นกัน และปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้ตามปกติ

“ภาคเอกชนจะได้อานิสงส์จากการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามศักยภาพในปี 58 นอกจากนี้รัฐบาลเร่งปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน รวมทั้งดูแลภาคเกษตร โดยไม่ใช้นโยบายการอุดหนุนราคา ทั้งหมดนี้ จะช่วยสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ดีขึ้น”

ส่วนกรณีที่นักลงทุนต่างชาติกังวลเกี่ยวกับการลงทุนโดยตรง จากตางประเทศนั้น มองว่าหากตัวเลขโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นโครงการที่สำคัญ เช่น รถประหยัดพลังงงาน (อีโคคาร์), การแปรรูปอาหาร และที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน จากนักลงทุนหลายประเทศ ไม่ใช่เฉพาะญี่ปุ่นเท่านั้น นอกจากนี้ภาพรวมการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างประเทศสุทธิรวมตั้งแต่ต้นปีเป็นบวก

สำหรับการดูแลเศรษฐกิจปี 58 นั้นถือว่านโยบายการเงิน ขณะนี้เพียงพอในการช่วยดูแลเศรษฐกิจ และไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อ แม้จะปรับราคาพลังงานบ้าง โดยระยะต่อไปธปท. จะติดตามทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เร่งตัวขึ้น ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะการค้าระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนเศรษฐกิจจีน ที่อาจชะลอลงบ้างนั้น จะถูกชดเชยด้วยการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะทั้ง 2 ประเทศ มีสัดส่วนในตลาดการส่งออกของไทยใกล้เคียงกัน

“ไทยมีเงินสำรองทางการเพียงพอ และมีระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่น ที่จะช่วยเป็นด่านแรก ในการดูแลความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ที่อาจผันผวนในปี 58 จากอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันในประเทศอุตสาหกรรมหลัก รวมทั้งความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศ”

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 13 ตุลาคม 2557