กรมศุลย้ายใหญ่5 ผอ.สำนัก-นายด่าน
Posted: 29 Oct 2014, 09:10
กรมศุลย้ายใหญ่5 ผอ.สำนัก-นายด่าน
กรมศุลกากรย้ายใหญ่ ผอ.สำนักและนายด่าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี และป้องกันการทุจริต
นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้เดือน ต.ค.ปีงบประมาณ 58 เป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าทั้งปีงบประมาณ 58 จัดเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 1.12 แสนล้าน บาทตามเป้าที่วางไว้ แต่ยังต้องติดตามการนำเข้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากที่ผ่านมาการนำเข้ายังไม่ฟื้นดีเท่าที่ควร ทำให้กระทบการจัดเก็บภาษีของกรม แต่กรมฯ ได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะใน 5 ด่านใหญ่ที่มีสัดส่วนการเก็บภาษีเป็น80%ของกรม ซึ่งได้ตั้งเป้าการจัดเก็บภาษีนี้เพิ่ม 5%
ทั้งนี้ กรมได้มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการสำนักงานทั้ง 5 ด่าน ให้สามารถรับนโยบายของฝ่ายบริหารลงไปปฏิบัติได้ เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต เกิดความโปร่งใสมากขึ้น โดยทั้ง 5 ด่าน ประกอบด้วย สำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีการเก็บภาษีมากที่สุดของกรม สำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ดูแลการเก็บภาษีของกรุงเทพทั้งหมด โดยเฉพาะการเก็บภาษีรถยนต์ สำนักงานกรมศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง สำนักงานตรวจสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ ยังได้เปลี่ยนแปลงนายด่านอื่น ๆ ให้จัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากเก็บภาษีได้เพียง 40-50 ล้านบาทต่อเดือน ให้เพิ่มเป็น 20%ซึ่ง มองว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือด่านอรัญประเทศ จากเดิมที่เก็บได้วันละ 1 แสนบาท หลังจากเปลี่ยนนายด่าน ทำให้การบริหารงานชัดเจนขึ้นส่งผลให้จัดเก็บภาษีเพิ่ม ขึ้นเป็นวันละ 4 ล้านบาท และคาดว่าช่วงฤดูหนาวจะเก็บได้เพิ่มขึ้นวันละ 5 ล้านบาท เพราะมีการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มมากกว่าปกติ
“การเก็บภาษีกรมศุลกากร สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก เนื่องจากยังมีไขมันอีกมาก การย้ายผู้อำนวยการสำนักและนายด่านไม่ใช่เพราะคนเก่ามีปัญหาและทุจริต เพียงแต่ย้ายคนใหม่เข้าไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น”
นอกจากการโยกย้ายบุคลากรแล้ว กรมศุลกากรยังได้ดำเนินการดูแลสินค้าอ่อนไหว เช่น รถหรู ให้มีการเสียภาษีให้ถูกต้องเข้มงวดกับเขตปลอดอากร และคลังสินค้าทัณฑ์บน ไม่ให้เกิดช่องโหว่ให้มีการหลบเลี่ยงภาษี รวมถึงต้องดูแลสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
สำหรับกรณีรถหรูหายจากคลังทัณฑ์บนและเขตปลอดอากร 500 คันนั้น ขณะนี้ได้รถมาคืนและเสียภาษีอย่างถูกต้องแล้ว 200 คัน โดยยังมีอีก 300 คันที่ยังไม่การนำกลับมาคืน ทำให้กรมได้แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของคลังสินค้าทัณฑ์บน และเขตปลอดอากรแล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่กรมที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยว ข้องในกรณีดังกล่าวด้วย
“สัปดาห์หน้ากรมศุลจะเสนอร่างการแก้ไขพ.ร.บ.ศุลกากรทั้งฉบับให้กระทรวงการ คลังพิจารณา ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บของกรมมากขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะเสนอเข้าครม. และผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.) ออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ภายในปี 58”
สำหรับร่างพ.ร.บ.ศุลกากรใหม่นี้เสนอให้แก้ไขเรื่องรางวันสินบนนำจับ จากปัจจุบันสินบนได้30%สำหรับผู้แจ้งเบาะแส และรางวัล25%สำหรับเจ้าหน้าที่ และไม่มีการกำหนดเพดาน เป็นสินบน30%แต่ไม่เกิน10ล้านบาท กับผู้ที่แจ้งเบาะแสส่วนรางวัลสำหรับเจ้าหน้าที่ลดเหลือ15%แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังแก้ไขในส่วนของบทลงโทษ และเรื่องการอุทธรณ์ภาษีของผู้ประกอบการ รวมถึงยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่ประเมินราคาและสำแดงพิกัดอัตราภาษีล่วงหน้า พร้อมมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบผู้ประกอบการย้อนหลังภายใน 5 ปี นับตั้งแต่มีการปลดปล่อยสินค้า
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 28 ตุลาคม 2557
กรมศุลกากรย้ายใหญ่ ผอ.สำนักและนายด่าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี และป้องกันการทุจริต
นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้เดือน ต.ค.ปีงบประมาณ 58 เป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าทั้งปีงบประมาณ 58 จัดเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 1.12 แสนล้าน บาทตามเป้าที่วางไว้ แต่ยังต้องติดตามการนำเข้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากที่ผ่านมาการนำเข้ายังไม่ฟื้นดีเท่าที่ควร ทำให้กระทบการจัดเก็บภาษีของกรม แต่กรมฯ ได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะใน 5 ด่านใหญ่ที่มีสัดส่วนการเก็บภาษีเป็น80%ของกรม ซึ่งได้ตั้งเป้าการจัดเก็บภาษีนี้เพิ่ม 5%
ทั้งนี้ กรมได้มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการสำนักงานทั้ง 5 ด่าน ให้สามารถรับนโยบายของฝ่ายบริหารลงไปปฏิบัติได้ เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต เกิดความโปร่งใสมากขึ้น โดยทั้ง 5 ด่าน ประกอบด้วย สำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีการเก็บภาษีมากที่สุดของกรม สำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ดูแลการเก็บภาษีของกรุงเทพทั้งหมด โดยเฉพาะการเก็บภาษีรถยนต์ สำนักงานกรมศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง สำนักงานตรวจสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ ยังได้เปลี่ยนแปลงนายด่านอื่น ๆ ให้จัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากเก็บภาษีได้เพียง 40-50 ล้านบาทต่อเดือน ให้เพิ่มเป็น 20%ซึ่ง มองว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือด่านอรัญประเทศ จากเดิมที่เก็บได้วันละ 1 แสนบาท หลังจากเปลี่ยนนายด่าน ทำให้การบริหารงานชัดเจนขึ้นส่งผลให้จัดเก็บภาษีเพิ่ม ขึ้นเป็นวันละ 4 ล้านบาท และคาดว่าช่วงฤดูหนาวจะเก็บได้เพิ่มขึ้นวันละ 5 ล้านบาท เพราะมีการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มมากกว่าปกติ
“การเก็บภาษีกรมศุลกากร สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก เนื่องจากยังมีไขมันอีกมาก การย้ายผู้อำนวยการสำนักและนายด่านไม่ใช่เพราะคนเก่ามีปัญหาและทุจริต เพียงแต่ย้ายคนใหม่เข้าไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น”
นอกจากการโยกย้ายบุคลากรแล้ว กรมศุลกากรยังได้ดำเนินการดูแลสินค้าอ่อนไหว เช่น รถหรู ให้มีการเสียภาษีให้ถูกต้องเข้มงวดกับเขตปลอดอากร และคลังสินค้าทัณฑ์บน ไม่ให้เกิดช่องโหว่ให้มีการหลบเลี่ยงภาษี รวมถึงต้องดูแลสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
สำหรับกรณีรถหรูหายจากคลังทัณฑ์บนและเขตปลอดอากร 500 คันนั้น ขณะนี้ได้รถมาคืนและเสียภาษีอย่างถูกต้องแล้ว 200 คัน โดยยังมีอีก 300 คันที่ยังไม่การนำกลับมาคืน ทำให้กรมได้แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของคลังสินค้าทัณฑ์บน และเขตปลอดอากรแล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่กรมที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยว ข้องในกรณีดังกล่าวด้วย
“สัปดาห์หน้ากรมศุลจะเสนอร่างการแก้ไขพ.ร.บ.ศุลกากรทั้งฉบับให้กระทรวงการ คลังพิจารณา ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บของกรมมากขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะเสนอเข้าครม. และผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.) ออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ภายในปี 58”
สำหรับร่างพ.ร.บ.ศุลกากรใหม่นี้เสนอให้แก้ไขเรื่องรางวันสินบนนำจับ จากปัจจุบันสินบนได้30%สำหรับผู้แจ้งเบาะแส และรางวัล25%สำหรับเจ้าหน้าที่ และไม่มีการกำหนดเพดาน เป็นสินบน30%แต่ไม่เกิน10ล้านบาท กับผู้ที่แจ้งเบาะแสส่วนรางวัลสำหรับเจ้าหน้าที่ลดเหลือ15%แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังแก้ไขในส่วนของบทลงโทษ และเรื่องการอุทธรณ์ภาษีของผู้ประกอบการ รวมถึงยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่ประเมินราคาและสำแดงพิกัดอัตราภาษีล่วงหน้า พร้อมมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบผู้ประกอบการย้อนหลังภายใน 5 ปี นับตั้งแต่มีการปลดปล่อยสินค้า
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 28 ตุลาคม 2557