เฟซบุ๊กกำไรพุ่ง มาร์คลั่น “เอาไปลงทุนเพิ่ม”
Posted: 29 Oct 2014, 14:47
เฟซบุ๊กกำไรพุ่ง มาร์คลั่น “เอาไปลงทุนเพิ่ม”
มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก
แม้จะได้มีเสียงคร่ำครวญจากบรรดาบริษัทในแวดวงเทคโนโลยีถึงผลประกอบการที่ "ไม่เวิร์ค" สักเท่าใดในไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งทวิตเตอร์, Netflix และอะเมซอน แต่สำหรับยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) นี่เป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่น่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว
โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่เฟซบุ๊กทำผลงานได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า จนไบรอัน วีเซอร์ นักวิเคราะห์จาก Pivotal Research Group ให้ความเห็นว่า นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเฟซบุ๊กจะกลายเป็นอภิมหาอำนาจในธุรกิจโฆษณาออนไลน์เทียบชั้นกูเกิลเลยทีเดียว
จากการเปิดเผยของเฟซบุ๊กระบุว่า บริษัทมีกำไร 802 ล้านเหรียญสหรัฐจากรายได้ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสดังกล่าว (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557) ขณะที่ยอด Active Users นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,350 ล้านคนทั่วโลก
อย่างไรก็ดี มูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กก็ตกอย่างรวดเร็วกว่า 9 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 73.29 เหรียญสหรัฐ หลังบริษัทเผยแผนว่าจะมีการลงทุนเพิ่มด้วยการจ้างงานผู้มีความสามารถ และลงทุนในด้านเทคโนโลยีมากขึ้น แทนการจ่ายปันผลเยอะๆ เพื่อจะฉลองชัยในความสำเร็จครั้งนี้
“การเดินทางของเรายังเพิ่งเริ่มต้น เส้นทางของเรายังต้องอาศัยการลงทุนอีกมากเพื่อให้เข้าถึงทุกคนบนโลก และเพื่อให้เข้าใจโลกมากกว่าที่เป็นอยู่ เราจะสร้างแพลตฟอร์มใหม่สำหรับคนในยุคต่อไป ซึ่งนั่นต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล” ซีอีโอเฟซบุ๊ก กล่าว
แม้หุ้นของเฟซบุ๊กจะตกสวนทางกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสนี้ แต่สิ่งที่น่าจับตาก็คือ จำนวนของยูสเซอร์และรายได้จากโฆษณาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จำนวนของยูสเซอร์ที่ใช้เฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็น 1,350 ล้านคนในไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนั้น เฟซบุ๊กยังมีรายได้จากธุรกิจโฆษณา 2,957 ล้านบาทในไตรมาสดังกล่าว รายได้จากโฆษณาทางโมบายล์คิดเป็นสัดส่วนถึง 66 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 (เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 44 เปอร์เซ็นต์)
“นี่เป็นไตรมาสที่ยอดเยี่ยมมาก และผลงานของเราก็แข็งแกร่งมาก” ซักเคอร์เบิร์ก กล่าว
ก้าวต่อไปของเฟซบุ๊กคือการเปิดตัว “Rooms” ซึ่งเป็นการปัดฝุ่นบริการแชตรูมที่เคยเป็นบริการสุดฮิตเมื่อครั้งเริ่มมีอินเทอร์เน็ตใช้งานใหม่ๆ ออกมาให้ผู้ใช้ได้เล่นกันอีกครั้งด้วย รวมถึงดีลสำคัญอีกหลายดีล เช่น การซื้อ WhatsApp ที่ปิดลงได้อย่างสวยงาม
“สิ่งหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในธุรกิจโมบายล์ก็คือ การพัฒนาแอปส์ที่เป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และเรากำลังพัฒนาไปสู่จุดนั้น”
ซีอีโอเฟซบุ๊กยังกล่าวอีกด้วยว่า ในปี ค.ศ. 2015 จะเป็นปีแห่งการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัท ทั้งการจ้างงานคนเก่งๆ และการลงทุนในเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพิ่มการใช้งานในอินสตาแกรม, WhatsApp และ Messenger ให้แต่ละยี่ห้อมีจำนวนยูสเซอร์ถึงระดับพันล้านหรือมากกว่านั้นภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วย
“สำหรับพวกเราแล้ว โปรดักซ์นั้นๆ ยังไม่น่าสนใจ หรือยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจจริงๆ ได้จนกว่าเราจะมีคนสักพันล้านคนใช้งานมันอยู่” ซักเคอร์เบิร์ก กล่าว
พร้อมกันนั้น ซีอีโอเฟซบุ๊กยังกล่าวถึงการลงทุนในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศจีนที่เขาได้เข้าไปสร้างความประทับใจด้วยการพูดภาษาจีนชนิดน้ำไหลไฟดับด้วยว่าจะดำเนินการต่อไป และทุกประเทศเป็นเป้าหมายระยะยาวของเฟซบุ๊กทั้งสิ้น
งานนี้แม้ไม่ตอบโจทย์นักลงทุนจนหุ้นตก แต่น่าจะได้ใจคนรุ่นใหม่ไปเต็ม
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 29 ตุลาคม 2557
มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก
แม้จะได้มีเสียงคร่ำครวญจากบรรดาบริษัทในแวดวงเทคโนโลยีถึงผลประกอบการที่ "ไม่เวิร์ค" สักเท่าใดในไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งทวิตเตอร์, Netflix และอะเมซอน แต่สำหรับยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) นี่เป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่น่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว
โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่เฟซบุ๊กทำผลงานได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า จนไบรอัน วีเซอร์ นักวิเคราะห์จาก Pivotal Research Group ให้ความเห็นว่า นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเฟซบุ๊กจะกลายเป็นอภิมหาอำนาจในธุรกิจโฆษณาออนไลน์เทียบชั้นกูเกิลเลยทีเดียว
จากการเปิดเผยของเฟซบุ๊กระบุว่า บริษัทมีกำไร 802 ล้านเหรียญสหรัฐจากรายได้ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสดังกล่าว (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557) ขณะที่ยอด Active Users นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,350 ล้านคนทั่วโลก
อย่างไรก็ดี มูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กก็ตกอย่างรวดเร็วกว่า 9 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 73.29 เหรียญสหรัฐ หลังบริษัทเผยแผนว่าจะมีการลงทุนเพิ่มด้วยการจ้างงานผู้มีความสามารถ และลงทุนในด้านเทคโนโลยีมากขึ้น แทนการจ่ายปันผลเยอะๆ เพื่อจะฉลองชัยในความสำเร็จครั้งนี้
“การเดินทางของเรายังเพิ่งเริ่มต้น เส้นทางของเรายังต้องอาศัยการลงทุนอีกมากเพื่อให้เข้าถึงทุกคนบนโลก และเพื่อให้เข้าใจโลกมากกว่าที่เป็นอยู่ เราจะสร้างแพลตฟอร์มใหม่สำหรับคนในยุคต่อไป ซึ่งนั่นต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล” ซีอีโอเฟซบุ๊ก กล่าว
แม้หุ้นของเฟซบุ๊กจะตกสวนทางกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสนี้ แต่สิ่งที่น่าจับตาก็คือ จำนวนของยูสเซอร์และรายได้จากโฆษณาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จำนวนของยูสเซอร์ที่ใช้เฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็น 1,350 ล้านคนในไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนั้น เฟซบุ๊กยังมีรายได้จากธุรกิจโฆษณา 2,957 ล้านบาทในไตรมาสดังกล่าว รายได้จากโฆษณาทางโมบายล์คิดเป็นสัดส่วนถึง 66 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 (เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 44 เปอร์เซ็นต์)
“นี่เป็นไตรมาสที่ยอดเยี่ยมมาก และผลงานของเราก็แข็งแกร่งมาก” ซักเคอร์เบิร์ก กล่าว
ก้าวต่อไปของเฟซบุ๊กคือการเปิดตัว “Rooms” ซึ่งเป็นการปัดฝุ่นบริการแชตรูมที่เคยเป็นบริการสุดฮิตเมื่อครั้งเริ่มมีอินเทอร์เน็ตใช้งานใหม่ๆ ออกมาให้ผู้ใช้ได้เล่นกันอีกครั้งด้วย รวมถึงดีลสำคัญอีกหลายดีล เช่น การซื้อ WhatsApp ที่ปิดลงได้อย่างสวยงาม
“สิ่งหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในธุรกิจโมบายล์ก็คือ การพัฒนาแอปส์ที่เป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และเรากำลังพัฒนาไปสู่จุดนั้น”
ซีอีโอเฟซบุ๊กยังกล่าวอีกด้วยว่า ในปี ค.ศ. 2015 จะเป็นปีแห่งการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัท ทั้งการจ้างงานคนเก่งๆ และการลงทุนในเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพิ่มการใช้งานในอินสตาแกรม, WhatsApp และ Messenger ให้แต่ละยี่ห้อมีจำนวนยูสเซอร์ถึงระดับพันล้านหรือมากกว่านั้นภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วย
“สำหรับพวกเราแล้ว โปรดักซ์นั้นๆ ยังไม่น่าสนใจ หรือยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจจริงๆ ได้จนกว่าเราจะมีคนสักพันล้านคนใช้งานมันอยู่” ซักเคอร์เบิร์ก กล่าว
พร้อมกันนั้น ซีอีโอเฟซบุ๊กยังกล่าวถึงการลงทุนในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศจีนที่เขาได้เข้าไปสร้างความประทับใจด้วยการพูดภาษาจีนชนิดน้ำไหลไฟดับด้วยว่าจะดำเนินการต่อไป และทุกประเทศเป็นเป้าหมายระยะยาวของเฟซบุ๊กทั้งสิ้น
งานนี้แม้ไม่ตอบโจทย์นักลงทุนจนหุ้นตก แต่น่าจะได้ใจคนรุ่นใหม่ไปเต็ม
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 29 ตุลาคม 2557