หัวเว่ย ส่ง Ascend Mate 7 แย่งลูกค้า iPhone 6 Plus
Posted: 01 Nov 2014, 14:08
หัวเว่ย ส่ง Ascend Mate 7 แย่งลูกค้า iPhone 6 Plus
“หัวเว่ย” ปรับลดเป้าหมายยอดขายสมาร์ทโฟนในปีนี้จาก 5 แสนเครื่อง เหลือ 3 แสนเครื่อง หลังปรับแนวธุรกิจลุยคอนซูเมอร์เป็นหลัก พร้อมกับหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดสมาร์ทโฟนไฮเอนด์มากยิ่งขึ้น เชื่อสิ้นปีมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 3% ล่าสุด ส่ง Ascend Mate 7 แอนดรอยด์โฟนรุ่นล่าสุดแข่ง iPhone 6 Plus ในราคา 16,900 บาท
หยาง ฉู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ทิศทางการทำตลาดของหัวเว่ยในปีนี้ยังไม่ค่อยนิ่ง จะเห็นได้จากในช่วงต้นปี หัวเว่ย เริ่มหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดคอนซูเมอร์เป็นหลัก จากเดิมที่เน้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจำหน่ายให้แก่ลูกค้าระดับองค์กร ขณะเดียวกัน ในส่วนของกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญก็หันมาจับตลาดสมาร์ทโฟนในระดับราคากลาง-บนมากขึ้น
“หัวเว่ย มองว่าการให้ความสำคัญต่อสมาร์ทโฟนระดับกลาง-บน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในแบรนด์แก่ผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้ช่วงหลังๆ จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในระดับแฟลกชิปก่อน หลังจากนั้น ค่อยนำเทคโนโลยีที่อยู่ในนั้นลงมาจำหน่ายในเครื่องระดับกลาง เพื่อให้ครอบคลุมไลน์สินค้า”
โท มัส หลิว กรรมการผู้จัดการ หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวเสริมว่า แต่เดิมหัวเว่ยเคยตั้งเป้าจำหน่ายสมาร์ทโฟนในปีนี้ไว้ที่ราว 5 แสนเครื่อง หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% จากข้อมูลของจีเอฟเคที่ระบุว่า ปีนี้จะมีสมาร์ทโฟนในตลาดราว 10 ล้านเครื่อง แต่ล่าสุด ได้มีการปรับเป้าลดลงเหลือ 3% หรือประมาณ 3 แสนเครื่องแทน
โดยให้เหตุผลว่า มาจาก 2 ปัจจัย คือ การที่หัวเว่ยปรับการทำตลาดจากเดิมที่เป็นผู้ผลิตมือถือ (OEM) ให้แบรนด์อื่นนำไปทำตลาด ซึ่งถือเป็นการทำตลาดแบบ B2B มาเป็นการทำตลาดภายใต้แบรนด์หัวเว่ยสู่ผู้บริโภคโดยตรงแบบ B2C แทน ทำให้ปริมาณยอดขายเครื่องลดลง เพราะไม่มีเครื่องราคาถูกมาช่วยผลักดันส่วนแบ่งตลาด พร้อมไปกับการที่หัวเว่ย หันมาจับตลาดกลาง-บน เพื่อสร้างรายได้ แทนที่จะขายเครื่องราคาถูกแต่ไม่สามารถทำกำไรได้ ทำให้ท้ายที่สุดมีการปรับเป้ายอดขายลดลง
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ย ยังมองว่า ไทย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดที่สำคัญของหัวเว่ย เพราะมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ทำให้ตัดสินในที่จะลงทุนทางด้านการตลาดมากกว่า 100 ล้านบาท ภายในปีนี้ และปีหน้า เพื่อให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“โดยรวมแล้วปีนี้หัวเว่ยตั้งเป้าจำหน่ายสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้สูงกว่าปีที่ผ่านมา 3 เท่า และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ขณะที่ในตลาดระดับโลกจากเดิมที่หัวเว่ย ขายสมาร์ทโฟนได้ 52 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้จะเพิ่มเป็น 80 ล้านเครื่อง”
ทั้งนี้ ในประเทศไทย หัวเว่ย ใช้งบการตลาดกว่า 9 ล้านเหรียญ (ราว 270 ล้านบาท) เพื่อทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขยายช่องทางจำหน่ายให้กว้างขึ้น พร้อมไปกับการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือ
ล่าสุด จัดงานเปิดตัวหัวเว่ย Ascend Mate 7 ขึ้นในประเทศไทย และถือเป็นที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่เปิดตัวที่เบอร์ลิน เยอรมนี ไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยชูจุดเด่นเรื่องของหน้าจอขนาด 6 นิ้ว ตัวเครื่องบาง 7.9 มิลลิเมตร แบตเตอรี 4,100 mAh กล้อง 13 ล้านพิกเซล ระบบสแกนลายนิ้วมือ ในราคา 16,900 บาท
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 30 ตุลาคม 2557
“หัวเว่ย” ปรับลดเป้าหมายยอดขายสมาร์ทโฟนในปีนี้จาก 5 แสนเครื่อง เหลือ 3 แสนเครื่อง หลังปรับแนวธุรกิจลุยคอนซูเมอร์เป็นหลัก พร้อมกับหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดสมาร์ทโฟนไฮเอนด์มากยิ่งขึ้น เชื่อสิ้นปีมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 3% ล่าสุด ส่ง Ascend Mate 7 แอนดรอยด์โฟนรุ่นล่าสุดแข่ง iPhone 6 Plus ในราคา 16,900 บาท
หยาง ฉู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ทิศทางการทำตลาดของหัวเว่ยในปีนี้ยังไม่ค่อยนิ่ง จะเห็นได้จากในช่วงต้นปี หัวเว่ย เริ่มหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดคอนซูเมอร์เป็นหลัก จากเดิมที่เน้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจำหน่ายให้แก่ลูกค้าระดับองค์กร ขณะเดียวกัน ในส่วนของกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญก็หันมาจับตลาดสมาร์ทโฟนในระดับราคากลาง-บนมากขึ้น
“หัวเว่ย มองว่าการให้ความสำคัญต่อสมาร์ทโฟนระดับกลาง-บน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในแบรนด์แก่ผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้ช่วงหลังๆ จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในระดับแฟลกชิปก่อน หลังจากนั้น ค่อยนำเทคโนโลยีที่อยู่ในนั้นลงมาจำหน่ายในเครื่องระดับกลาง เพื่อให้ครอบคลุมไลน์สินค้า”
โท มัส หลิว กรรมการผู้จัดการ หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวเสริมว่า แต่เดิมหัวเว่ยเคยตั้งเป้าจำหน่ายสมาร์ทโฟนในปีนี้ไว้ที่ราว 5 แสนเครื่อง หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% จากข้อมูลของจีเอฟเคที่ระบุว่า ปีนี้จะมีสมาร์ทโฟนในตลาดราว 10 ล้านเครื่อง แต่ล่าสุด ได้มีการปรับเป้าลดลงเหลือ 3% หรือประมาณ 3 แสนเครื่องแทน
โดยให้เหตุผลว่า มาจาก 2 ปัจจัย คือ การที่หัวเว่ยปรับการทำตลาดจากเดิมที่เป็นผู้ผลิตมือถือ (OEM) ให้แบรนด์อื่นนำไปทำตลาด ซึ่งถือเป็นการทำตลาดแบบ B2B มาเป็นการทำตลาดภายใต้แบรนด์หัวเว่ยสู่ผู้บริโภคโดยตรงแบบ B2C แทน ทำให้ปริมาณยอดขายเครื่องลดลง เพราะไม่มีเครื่องราคาถูกมาช่วยผลักดันส่วนแบ่งตลาด พร้อมไปกับการที่หัวเว่ย หันมาจับตลาดกลาง-บน เพื่อสร้างรายได้ แทนที่จะขายเครื่องราคาถูกแต่ไม่สามารถทำกำไรได้ ทำให้ท้ายที่สุดมีการปรับเป้ายอดขายลดลง
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ย ยังมองว่า ไทย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดที่สำคัญของหัวเว่ย เพราะมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ทำให้ตัดสินในที่จะลงทุนทางด้านการตลาดมากกว่า 100 ล้านบาท ภายในปีนี้ และปีหน้า เพื่อให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“โดยรวมแล้วปีนี้หัวเว่ยตั้งเป้าจำหน่ายสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้สูงกว่าปีที่ผ่านมา 3 เท่า และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ขณะที่ในตลาดระดับโลกจากเดิมที่หัวเว่ย ขายสมาร์ทโฟนได้ 52 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้จะเพิ่มเป็น 80 ล้านเครื่อง”
ทั้งนี้ ในประเทศไทย หัวเว่ย ใช้งบการตลาดกว่า 9 ล้านเหรียญ (ราว 270 ล้านบาท) เพื่อทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขยายช่องทางจำหน่ายให้กว้างขึ้น พร้อมไปกับการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือ
ล่าสุด จัดงานเปิดตัวหัวเว่ย Ascend Mate 7 ขึ้นในประเทศไทย และถือเป็นที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่เปิดตัวที่เบอร์ลิน เยอรมนี ไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยชูจุดเด่นเรื่องของหน้าจอขนาด 6 นิ้ว ตัวเครื่องบาง 7.9 มิลลิเมตร แบตเตอรี 4,100 mAh กล้อง 13 ล้านพิกเซล ระบบสแกนลายนิ้วมือ ในราคา 16,900 บาท
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 30 ตุลาคม 2557