เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ“เอสเอ็มอี”
Posted: 04 Nov 2014, 11:07
เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ“เอสเอ็มอี”
นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโสสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขยายตัวลดลงเหลือเพียง 2.3% นั้น ส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจรายใหญ่มีช่องทางอื่นในการระดมทุนมากขึ้น เช่น การออกหุ้นกู้ หรือการออกตราสารหนี้ ขณะที่สินเชื่อภาคครัวเรือนยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ยังปล่อยสินเชื่อดังกล่าวต่อเนื่อง แต่ยังคงเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ซึ่งจะเห็นได้ว่ายังมีการปฏิเสธการขอสินเชื่อเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อไตรมาส 4 ของปี 57 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลงานด้านสินเชื่อ พบว่าส่วนใหญ่สถาบันการเงินมองว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนและสินเชื่อภาคธุรกิจจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือน และมาตรฐานการให้สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี แต่จะผ่อนคลายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดใหญ่ลงบ้าง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BSI) ล่าสุด เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ที่ระดับ 48.9 สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงเล็กน้อยจากเดือน ส.ค.อยู่ที่ระดับ 49.1 โดยเป็นการลดลงของความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคที่ไม่ใช่อุตสาหกรรม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นจากเดือน ส.ค.
ส่วนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนดัชนีที่ระดับ 54.3 ถือว่าสูงกว่า 50 ซึ่งเป็นระดับที่มีความเชื่อมั่น แต่เมื่อเทียบกับความคาดหวังในเดือน ส.ค.57 ดัชนีปรับลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ระดับ 55.9 สะท้อนว่านักธุรกิจยังเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจลดลง
โดยข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ 5 อันดับแรกที่ภาคเอกชนกังวลในขณะนี้ ได้แก่ 1.การปรับราคาสินค้าทำได้ยาก 2.ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้น 3.ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ 4.การแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดในประเทศ และ 5.ความต้องการจากตลาดในประเทศที่ยังลดลง.
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 4 พ.ย. 2557
นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโสสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขยายตัวลดลงเหลือเพียง 2.3% นั้น ส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจรายใหญ่มีช่องทางอื่นในการระดมทุนมากขึ้น เช่น การออกหุ้นกู้ หรือการออกตราสารหนี้ ขณะที่สินเชื่อภาคครัวเรือนยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ยังปล่อยสินเชื่อดังกล่าวต่อเนื่อง แต่ยังคงเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ซึ่งจะเห็นได้ว่ายังมีการปฏิเสธการขอสินเชื่อเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อไตรมาส 4 ของปี 57 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลงานด้านสินเชื่อ พบว่าส่วนใหญ่สถาบันการเงินมองว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนและสินเชื่อภาคธุรกิจจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือน และมาตรฐานการให้สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี แต่จะผ่อนคลายการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดใหญ่ลงบ้าง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BSI) ล่าสุด เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ที่ระดับ 48.9 สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงเล็กน้อยจากเดือน ส.ค.อยู่ที่ระดับ 49.1 โดยเป็นการลดลงของความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคที่ไม่ใช่อุตสาหกรรม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นจากเดือน ส.ค.
ส่วนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนดัชนีที่ระดับ 54.3 ถือว่าสูงกว่า 50 ซึ่งเป็นระดับที่มีความเชื่อมั่น แต่เมื่อเทียบกับความคาดหวังในเดือน ส.ค.57 ดัชนีปรับลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ระดับ 55.9 สะท้อนว่านักธุรกิจยังเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจลดลง
โดยข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ 5 อันดับแรกที่ภาคเอกชนกังวลในขณะนี้ ได้แก่ 1.การปรับราคาสินค้าทำได้ยาก 2.ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้น 3.ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ 4.การแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดในประเทศ และ 5.ความต้องการจากตลาดในประเทศที่ยังลดลง.
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 4 พ.ย. 2557