อย.จ่อออกประกาศคุมฉลากยาพาราฯ
Posted: 04 Nov 2014, 14:17
อย.จ่อออกประกาศคุมฉลากยาพาราฯ
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยถึง แนวทางการดูแลการใช้ยาพาราเซตามอลให้ปลอดภัย ว่า ยาพาราเซตามอลถือเป็นยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากอยู่แล้ว แต่หากรับประทานเกินขนาดจะเป็นอันตรายต่อตับ ดังนั้น อย.จึงเตรียมที่จะออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายยาพาราฯ ต้องระบุชื่อยาสามัญบนฉลากยาเป็นภาษาไทยให้สามารถอ่านแล้วเข้าใจง่าย เพราะปัจจุบันจะระบุเพียงชื่อทางการค้า และเป็นภาษาอังกฤษทำให้ไม่ทราบข้อมูล โดยเฉพาะในยารักษาโรคอื่นๆ ที่มียาพาราฯเป็นส่วนผสม เช่น ยาแก้หวัดนั้นจะต้องเข้มงวดเรื่องฉลากยา และการโฆษณายาผ่านช่องทางต่างๆด้วย จะต้องระบุ ทุกครั้งว่ามียาพาราฯเป็นส่วนผสมเพื่อป้องกันไม่ให้รับประทานซ้ำซ้อนจนได้รับยาเกินขนาด ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศได้ในเร็วๆนี้
“ในช่วงที่ยังไม่มีประกาศออกมา อย.จะขอความร่วมมือไปยังบริษัทผู้ผลิตให้ผลิตยาพาราฯขนาด 325 มิลลิกรัมต่อเม็ด พร้อมๆกับรณรงค์ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขใช้ยาขนาด 325 มิลลิกรัมให้มากขึ้น หากจะใช้ขนาด 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด จะต้องคำนวณตามน้ำหนักตัวของผู้ป่วยเป็นหลัก” ภก.ประพนธ์กล่าว.
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 29 ต.ค. 2557
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยถึง แนวทางการดูแลการใช้ยาพาราเซตามอลให้ปลอดภัย ว่า ยาพาราเซตามอลถือเป็นยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากอยู่แล้ว แต่หากรับประทานเกินขนาดจะเป็นอันตรายต่อตับ ดังนั้น อย.จึงเตรียมที่จะออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายยาพาราฯ ต้องระบุชื่อยาสามัญบนฉลากยาเป็นภาษาไทยให้สามารถอ่านแล้วเข้าใจง่าย เพราะปัจจุบันจะระบุเพียงชื่อทางการค้า และเป็นภาษาอังกฤษทำให้ไม่ทราบข้อมูล โดยเฉพาะในยารักษาโรคอื่นๆ ที่มียาพาราฯเป็นส่วนผสม เช่น ยาแก้หวัดนั้นจะต้องเข้มงวดเรื่องฉลากยา และการโฆษณายาผ่านช่องทางต่างๆด้วย จะต้องระบุ ทุกครั้งว่ามียาพาราฯเป็นส่วนผสมเพื่อป้องกันไม่ให้รับประทานซ้ำซ้อนจนได้รับยาเกินขนาด ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศได้ในเร็วๆนี้
“ในช่วงที่ยังไม่มีประกาศออกมา อย.จะขอความร่วมมือไปยังบริษัทผู้ผลิตให้ผลิตยาพาราฯขนาด 325 มิลลิกรัมต่อเม็ด พร้อมๆกับรณรงค์ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขใช้ยาขนาด 325 มิลลิกรัมให้มากขึ้น หากจะใช้ขนาด 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด จะต้องคำนวณตามน้ำหนักตัวของผู้ป่วยเป็นหลัก” ภก.ประพนธ์กล่าว.
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 29 ต.ค. 2557