แฟรนไชส์ไทยรวมพลปกป้องธุรกิจ

[brid.siriwan]

แฟรนไชส์ไทยรวมพลปกป้องธุรกิจ

สมาคมแฟรนไชส์ไทยชี้ ผู้ประกอบการไทยเสี่ยงถูกต่างชาติบุก ประกาศกร้าว ไม่หวังให้รัฐช่วยใด เตรียมจัดงานดูแลกันเอง
กฤษฏ์ กาญจนบัตร รองนายกสมาคม แฟรนไชส์และไลเซนส์ เปิดเผยว่า ปีหน้าธุรกิจแฟรนไชส์ในไทยมีโอกาสเสี่ยงสูง ที่จะถูกธุรกิจจากต่างประเทศ เข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากผู้ประกอบการไทย ยังไม่มีความรู้และความเข้มแข็งในการทำธุรกิจที่ถนัด เพราะขาดการสนับสนุนที่เพียงพอจากทุกภาคส่วน ส่งผลให้สัดส่วนธุรกิจแฟรนไชส์จากต่างประเทศจะเพิ่มมากขึ้น จากขณะนี้ที่มี อยู่10% ของตลาดรวมแฟรนไชส์ไทยมูลค่ากว่า 200,000 ล้าน และกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของแฟรนไชส์ไทย นอกจากนี้ยังทำให้เงินจากการบริโภคไหลออกสู่ต่างประเทศอีกด้วย

“ขณะนี้ ผู้ประกอบการไทยค่อนข้างลำบาก เพราะประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ ส่งให้ปีที่ผ่านมาแฟรนไชส์หลายรายทนพิษไม่ไหว จนต้อปิดกิจการไปแล้วถึง 20% ประกอบกับกระแสความนิยมในแบรนด์ต่างชาติ ยิ่งหนุนให้ธุรกิจจากต่างประเทศเติบโตได้ดีสวนทางกับแฟรนไชส์ไทย”

ขณะเดียวกัน ประเมินว่าหากปีหน้า ธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ยังไม่ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม อาจทำให้ผู้ประกอบการกว่า 50% ต้องปิดกิจการลง เพราะไม่สามารถสู้กับภาวะเศรษฐกิจ และการแข่งขันที่รุนแรงได้ เนื่องจากแฟรนไชส์ต่างชาติส่วนใหญ่ เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีเงินทุนสูง และการจัดการที่เป็นระบบ ทำให้เอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจได้ โดยธุรกิจในกลุ่มความงาม และให้บริการ ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย มีความเสี่ยงที่จะปิดกิจการสูงที่สุด

ทั้งนี้สมาคมได้เร่งหามาตราการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยการ จัดงานพบผู้ประกอบธุรกิจในเมียนมาร์ เพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ, จัดตลาดนัดแฟรนไชส์ โดยให้ผู้ซื้อและผู้ขายแฟรนไชส์เข้ามาเจราธุรกิจ, จัดงานตรวจสุขภาพแฟรนไชส์ เพื่อหาข้อด้วยเสริมจุดเด่น รวมถึงการจัดอบรมให้ความรู้เพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป

สมาคมจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล เนื่องจากเข้าใจดีว่า รัฐบาลยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกหลายสิ่ง เพื่อให้ผลักให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ เพราะขณะนี้เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่ชัดเจน ประกอบกับที่ผ่านมา สมาคมก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐบาลเลย ทั้งที่ธุรกิจแฟรนไชส์และเอ็สเอ็มอีมีสัดส่วนถึง 80% ของธุรกิจทั้งประเทศ สมาคมจึงต้องเร่งผลักดันและแก้ไขด้วยตัวเองจะเห็นผลได้มากกว่า

“หากผู้ประกอบการไทยไม่พัฒนา จากเดิมที่เราเคยฝันว่าจะเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่ก็ถูกประเทศคู่แข่งแซงหน้า มาเรื่อยๆ ต่อไปไทยคนต้องลดลำดับไปแข่งขันกับประเทศด้อยพัฒนาแทน”

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2557