Page 1 of 1

แนะไทยบุกตลาดบลิคส์

Posted: 12 Nov 2014, 09:17
by brid.siriwan
แนะไทยบุกตลาดบลิคส์

ส.อ.ท. แนะ ไทยขนเม็ดพลาสติก ยางพารา เคมีภัณฑ์ เจาะตลาดกลุ่มบลิคส์ ตลาดขนาดใหญ่ ที่กินรวบจีดีพี 1 ใน 4 ของโลก หนีตลาดหลักที่ยังซบ กระตุ้นส่งออก

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปี 58 นี้ ไทยต้องเน้นการเปิดตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ (บลิคส์) เป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ ที่มีอิทธิพลมากขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากขณะนี้นอกจากจีนแล้ว ไทยยังยังมีปริมาณการค้ากับกลุ่มนี้น้อยมาก จึงเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะขยายตลาดได้อีกมาก เพราะตลาดกลุ่มบลิคส์ มีประชากรรวมกันมากกว่า 40% ของโลก มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) คิดเป็น 1 ใน 4 ของโลก

“กลุ่ม 5 ประเทศนี้ มีศักยภาพทางการค้าสูงมาก โดยสินค้าหลักที่ส่งไปยังกลุ่มบลิคส์ คือ เม็ดพลาสติก ยางพารา และเคมีภัณฑ์ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจกลุ่มนี้ ปี 57 จะขยายตัวเฉลี่ย 5.4% การส่งออกของไทยไปยังกลุ่มบลิคว์ปีนี้น่าจะมีมูลค่า 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วน 16.1% ของยอดการส่งออกทั้งหมด หากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนร่วมมือกันเจาะตลาดนี้อย่างจริงจัง จะช่วยฉุดยอดส่งออกในปีหน้าได้ เพราะตอนนี้ตลาดส่งออกหลักของไทย เช่น สหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นมาก มีเพียงสหรัฐฯที่เศรษฐกิจดีขึ้นเล็กน้อย ”

ส่วนการเปิดตลาดประเทศบราซิล ไทยควรใช้ประโยชน์จากประเทศที่ได้มีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับไทยไปแล้ว คือ ชิลี และเปรู ในการเป็นประตูการค้าไปสู่บราซิล ซึ่งจะขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในอเมริกาใต้ ที่มีขนาดใหญ่ และกำลังซื้อสูง ซึ่งสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดภูมิภาคนี้ ได้แก่ สินค้าเกษตร อาหาร เครื่องยนต์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์

ด้านอินเดียนั้น ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ทั้งด้านการส่งออกและสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย รวมทั้งยังมีทั้งข้อตกลงเอฟทีเอไทย-อินเดีย และเอฟทีเออาเซียน-อินเดีย ซึ่งไทยควรจะเร่งเจรจาขยายจำนวนสินค้าในกรองเอฟทีเอไทย-อินเดีย เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณี ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ อลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง อาหารปรุงแต่ง ปลากระป๋อง และน้ำผลไม้

“ไทยควรฉวยโอกาสที่ยุโรป และสหรัฐฯ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับประเทศรัสเซีย เร่งผลักดันสินค้าไทยเข้าไปแทนที่ ซึ่งเชื่อว่าในปี 58 ยอดส่งออกจากไทยไปรัสเซียจะขยายเพิ่มขึ้นถึง 100% จากปัจจุบันที่มีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากไทยกับรัสเซียมีความสำพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน และคนรัสเซียเข้ามาเที่ยวในไทยจำนวนมาก ทำให้ชาวรัสเซียคุ้นเคยกับสินค้าไทย และสามารถเปิดตลาดได้ไม่ยาก โดยสินค้าที่มีโอกาสในตลาดรัสเซีย ได้แก่ สินค้าอาหาร และเกษตร ข้าว น้ำตาล ผลไม้เมืองร้อน อาหารทะเล เครื่องแต่งการ ยานยนต์ ธุรกิจสปาและอาหารไทย”

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2557