ฉัตรชัย” เน้น 4 เสาฟื้นเศรษฐกิจปีหน้า แจงจัด “แรงกระตุ้น” แล
Posted: 18 Nov 2014, 13:26
ฉัตรชัย” เน้น 4 เสาฟื้นเศรษฐกิจปีหน้า แจงจัด “แรงกระตุ้น” แล้วกว่า 7 แสน ล.
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “พลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทั้งประเทศ” ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2557 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามาต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทำไปแล้วคิดเป็นเงินที่ลงไปกว่า 320,000 ล้านบาท ขณะที่ยังมีการเร่งรัดอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 380 ราย วงเงิน 429,000 ล้านบาท ซึ่งผมเชื่อว่า เราจะเห็นเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในต้นปีหน้า
แต่หากเราต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทั้งประเทศที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงแล้ว รัฐบาลจะต้องสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนที่มีต่ออนาคตประเทศไทย โดยรัฐบาลจะต้องแสดงให้เห็นถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน มุ่งมั่นขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เน้นตอบโจทย์ที่แท้จริง คือ การวางรากฐานให้กับเศรษฐกิจเกื้อหนุนการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นด้านสังคม ทำให้คนไทยมีความอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน
“ผมคิดว่ามียุทธศาสตร์หลักทางเศรษฐกิจมี 4 ประการที่จำเป็น เปรียบเป็น 4 เสาที่จะขาดเสาใดเสาหนึ่งไม่ได้ เสาที่ 1 คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น เรื่องการส่งออก เพราะขณะนี้พบว่าหลายๆ ตลาดมีเศรษฐกิจที่เติบโตนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น แต่เรากลับส่งออกได้น้อย อาจขาดความสามารถในการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดที่ได้เปลี่ยนไป ซึ่งต้องหาทางแก้ไข”
เช่นเดียวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นอีกด้านที่สำคัญ โดย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่ารัฐบาลจะเร่งใน 3 ด้าน 1. โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า 2. ปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุน กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด และมีมาตรการเสริมบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพ 3. การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล เพราะเศรษฐกิจการค้าการลงทุนสมัยใหม่ถูกขับเคลื่อนด้วยการทำธุรกรรมการค้าแบบดิจิตอล ทั้งนี้ การเพิ่มความสามารถการแข่งขันดังกล่าวจะต้องทำไปพร้อมกับสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจให้เอื้อต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม
เสาที่ 2 คือการยกเครื่องการศึกษาใหม่ให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจปัจจุบันและอนาคต เพราะการศึกษาของไทยยังไม่สามารถตอบโจทย์การพัฒนาด้านเศรษฐกิจได้ที่ อาทิ ปัญหาการขาดแคลนช่างฝีมือแรงงาน โดยผู้เรียนสายอาชีวศึกษามีน้อยคือเพียง 35% ขณะที่ระบบการศึกษายังไม่สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ
เสาที่ 3 เป็นเรื่องการปฏิรูปภาครัฐและรัฐวิสาหกิจให้มีขีดความสามารถสูง โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับสมรรถนะของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจ และการนำระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบเข้ามาใช้ ขณะที่การยกเครื่องรัฐวิสาหกิจของประเทศให้สามารถเป็นกลไกที่ช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสอดคล้องกับสภาพที่ได้เปลี่ยนไป ถือเป็นภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาลไปพร้อมๆ กัน
เสาที่ 4 ขจัดคอร์รัปชันเพราะระบบเศรษฐกิจที่แม้จะขยายตัวเชิงปริมาณแต่แฝงไปด้วยการคอร์รัปชัน ทำให้เป็นเศรษฐกิจที่โตแบบไม่ยั่งยืน ไม่สร้างความสุขที่แท้จริงให้ประชาชน ไม่สร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทยในเวทีโลก และสถานการณ์คอร์รัปชันในไทยแย่ลงมาตลอด เสาที่ 4 รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการขจัดคอร์รัปชันอย่างจริงจัง.
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 18 พ.ย. 2557
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “พลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทั้งประเทศ” ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2557 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามาต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทำไปแล้วคิดเป็นเงินที่ลงไปกว่า 320,000 ล้านบาท ขณะที่ยังมีการเร่งรัดอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 380 ราย วงเงิน 429,000 ล้านบาท ซึ่งผมเชื่อว่า เราจะเห็นเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในต้นปีหน้า
แต่หากเราต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทั้งประเทศที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงแล้ว รัฐบาลจะต้องสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนที่มีต่ออนาคตประเทศไทย โดยรัฐบาลจะต้องแสดงให้เห็นถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน มุ่งมั่นขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เน้นตอบโจทย์ที่แท้จริง คือ การวางรากฐานให้กับเศรษฐกิจเกื้อหนุนการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นด้านสังคม ทำให้คนไทยมีความอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน
“ผมคิดว่ามียุทธศาสตร์หลักทางเศรษฐกิจมี 4 ประการที่จำเป็น เปรียบเป็น 4 เสาที่จะขาดเสาใดเสาหนึ่งไม่ได้ เสาที่ 1 คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น เรื่องการส่งออก เพราะขณะนี้พบว่าหลายๆ ตลาดมีเศรษฐกิจที่เติบโตนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น แต่เรากลับส่งออกได้น้อย อาจขาดความสามารถในการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดที่ได้เปลี่ยนไป ซึ่งต้องหาทางแก้ไข”
เช่นเดียวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นอีกด้านที่สำคัญ โดย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่ารัฐบาลจะเร่งใน 3 ด้าน 1. โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า 2. ปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุน กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด และมีมาตรการเสริมบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพ 3. การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล เพราะเศรษฐกิจการค้าการลงทุนสมัยใหม่ถูกขับเคลื่อนด้วยการทำธุรกรรมการค้าแบบดิจิตอล ทั้งนี้ การเพิ่มความสามารถการแข่งขันดังกล่าวจะต้องทำไปพร้อมกับสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจให้เอื้อต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม
เสาที่ 2 คือการยกเครื่องการศึกษาใหม่ให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจปัจจุบันและอนาคต เพราะการศึกษาของไทยยังไม่สามารถตอบโจทย์การพัฒนาด้านเศรษฐกิจได้ที่ อาทิ ปัญหาการขาดแคลนช่างฝีมือแรงงาน โดยผู้เรียนสายอาชีวศึกษามีน้อยคือเพียง 35% ขณะที่ระบบการศึกษายังไม่สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ
เสาที่ 3 เป็นเรื่องการปฏิรูปภาครัฐและรัฐวิสาหกิจให้มีขีดความสามารถสูง โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับสมรรถนะของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจ และการนำระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบเข้ามาใช้ ขณะที่การยกเครื่องรัฐวิสาหกิจของประเทศให้สามารถเป็นกลไกที่ช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสอดคล้องกับสภาพที่ได้เปลี่ยนไป ถือเป็นภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาลไปพร้อมๆ กัน
เสาที่ 4 ขจัดคอร์รัปชันเพราะระบบเศรษฐกิจที่แม้จะขยายตัวเชิงปริมาณแต่แฝงไปด้วยการคอร์รัปชัน ทำให้เป็นเศรษฐกิจที่โตแบบไม่ยั่งยืน ไม่สร้างความสุขที่แท้จริงให้ประชาชน ไม่สร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทยในเวทีโลก และสถานการณ์คอร์รัปชันในไทยแย่ลงมาตลอด เสาที่ 4 รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการขจัดคอร์รัปชันอย่างจริงจัง.
ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 18 พ.ย. 2557