Page 1 of 1

แจ็ค หม่า-มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก

Posted: 19 Nov 2014, 09:56
by brid.siriwan
แจ็ค หม่า-มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก

ส่วน แจ็ค หม่า หนุ่มชาวจีนที่เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นครูสอนภาษาธรรมดา ๆ โดยสมัยเขายังเป็นเด็ก เขารู้ตัวว่าเขาไม่เก่งคณิต ศาสตร์ เขาเลยมุ่งเน้นไปเรียนภาษา พยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบไม่ผ่านถึงสองครั้ง

แจ็ค หม่า-มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ความเหมือนที่แตกต่าง - รอบรู้ไอที รอบโลกเทคโนโลยี

คุณผู้อ่านท่านไหนเป็นแฟนประจำคอลัมน์วันพุธของผมคงจะพอจำได้ว่าผมกล่าวถึง มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เฟซบุ๊กสื่อสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลี บาบา เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่งของโลก อยู่หลายครั้ง เพราะผมเชื่อว่าประวัติเรื่องราวชีวิตของทั้งสองนักนวัตกรรมนี้น่าสนใจและน่านำไปประยุกต์ใช้เป็นแบบอย่างในหลาย ๆ มิติครับ

มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ชายหนุ่มอเมริกันจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เริ่มจากนักศึกษาปริญญาตรีธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่เขาพบว่าที่มหาวิทยาลัยไม่มีระบบหนังสือรุ่นทางออนไลน์ เขาจึงนำไอเดียไปเสนอเพื่อขอจัดทำ แต่แล้วก็ถูกมหาวิทยาลัยปฏิเสธโดยบอกเขาว่าทางมหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายให้นักศึกษาเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว เขาจึงทำการลองแฮกเจาะเข้าไปในระบบทะเบียนประวัตินักศึกษาในมหาวิทยาลัย ทำการดึงรูปนักศึกษาและประวัติส่วนตัวจากฐานข้อมูลมหาวิทยาลัยมาใส่ในเว็บไซต์ของเขา พร้อมทั้งเชิญชวนเพื่อน ๆ นักศึกษาเล่นเกมโพสต์รูปและให้เข้ามาร่วมกันโหวตว่าใครหน้าตาดีกว่ากัน ใครคนไหนได้รับความนิยมมากกว่ากัน

จนในที่สุดเขาเอาไอเดียไปต่อเสริมเติมยอดจนกลายมาเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกศตวรรษที่ 21 ที่ใคร ๆ ก็พูดกันถึง ซึ่งหลังจากที่ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก นำบริษัทเฟซ บุ๊กของเขาเข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ก็ทำให้เขากลายมาเป็นอภิมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งของโลกศตวรรษที่ 21

ส่วน แจ็ค หม่า หนุ่มชาวจีนที่เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นครูสอนภาษาธรรมดา ๆ โดยสมัยเขายังเป็นเด็ก เขารู้ตัวว่าเขาไม่เก่งคณิต ศาสตร์ เขาเลยมุ่งเน้นไปเรียนภาษา พยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบไม่ผ่านถึงสองครั้ง จนในที่สุดก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนจบปริญญาตรีทางด้านภาษาศาสตร์ (อังกฤษ) แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาเข้ามาสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเริ่มต้นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน สมัยที่เขาเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่สหรัฐอเมริกา และเขาลองใช้อินเทอร์ เน็ตค้นหาคำว่า “เบียร์” (Beer) แล้วพบว่าไม่มีผลการค้นหาใด ๆ ที่มาจากจีนเลย พอกลับบ้านเขาจึงเริ่มก่อตั้งเว็บไซต์ร่วมกับเพื่อน ๆ เขา สร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ห้องพักเล็ก ๆ ของตัวเอง โดยในตอนแรกใช้ชื่ออื่นก่อนและค่อยเปลี่ยนเป็นอาลีบาบาในเวลาต่อมา จนกระทั่งพัฒนาต่อยอดจนได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน

จนปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่ง แจ็ค หม่า เพิ่งจะนำบริษัทอาลีบาบาเข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทำให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก หรือถ้าในระดับโลกแล้วเขาถือว่าเป็นบุรุษผู้ร่ำรวยอันดับที่ 14 ของโลก ด้วยสินทรัพย์เกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ใกล้เคียงล้านล้านบาท ใช่ครับ ล้านล้านบาท เรียกว่านับศูนย์กันไม่ถูกเลยจริง ๆ ใช่ไหมครับ ทั้ง ๆ ที่อาลีบาบาเพิ่งจะก่อร่างสร้างตัวมาเพียง 15 ปีเท่านั้นเอง โดย แจ็ค หม่า ถือว่าเป็นนักธุรกิจชาวจีนแผ่นดินใหญ่คนแรกที่ได้ลงหน้าปกนิตยสารฟอร์บส์อันโด่งดังอีกด้วย

ซึ่งถ้าพิจารณากันดี ๆ แม้ผมคิดว่าหนุ่มสองคนนี้จะมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องแนวคิดของการสร้างนวัตกรรม หรือมุมมองทางด้านธุรกิจ ที่ผมเองมองว่า มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก จะมีความเป็นนักนวัตกรรมมากกว่า แจ็ค หม่า ในขณะที่ แจ็ค หม่า จะมีความเป็นพ่อค้านักธุรกิจมากกว่า แต่ผมก็คิดว่าทั้งสองหนุ่มนี้มีความเหมือนกันอยู่ในหลาย ๆ อย่างเช่นเดียวกันครับ

อย่างน้อยที่สุดความเหมือนอย่างหนึ่งก็คือ ความกล้าหาญที่จะคิด ความกล้าหาญที่จะจินตนาการ ความกล้าที่จะลุกขึ้นมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เริ่มมาจากคนปกติธรรมดา ๆ ไม่ได้รับเงินมรดกมหาศาลมาจากบรรพบุรุษของเขาเลย แต่พวกเขาเรียนรู้ที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวจากสิ่งที่เล็ก ๆ ค้นคว้าหาความรู้ พร้อมทั้งนำข้อได้เปรียบจากเครื่องมือของโลกเทคโน โลยี ผสมผสานเจือปนเข้ากับจินตนาการนอกกรอบ สรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาขับเคลื่อนหล่อเลี้ยงโลกศตวรรษที่ 21 ของเราให้ก้าวไปข้างหน้า นี่แหละครับที่ผมเรียกว่า “เศรษฐกิจดิจิตอลสร้างสรรค์”.

ผศ.ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช
มหาวิทยาลัยรังสิต
chutisant.k@rsu.ac.th

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557