Page 1 of 1

ยก4เสาหลักดันศก.ไทยยั่งยืน เอกชนหวังผลปฏิรูปประเทศ

Posted: 19 Nov 2014, 10:43
by brid.siriwan
ยก4เสาหลักดันศก.ไทยยั่งยืน เอกชนหวังผลปฏิรูปประเทศ

’สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ“ ได้เชิญตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมเสนอแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา

ท่ามกลางสถานการณ์การชะลอตัวด้านการบริโภค การส่งออก และรายได้ของเกษตรกรที่ตกต่ำ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ’สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ“ ได้เชิญตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมเสนอแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา

ดันแผนเคลื่อนเศรษฐกิจ

“พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ” รมว.พาณิชย์ บอกว่า เวลานี้รัฐบาลได้จัดทำยุทธศาสตร์ 4 เสาหลัก เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่เศรษฐกิจไทย โดยเสาแรก คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเศรษฐกิจไทย ด้วยการปรับโครงสร้างการผลิตไปสู่ภาคเกษตรยุคใหม่ ซึ่งตรงนี้ต้องนำเทคโนโลยีและการบริหารจัดการสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าผ่านการแปรรูป การทำตลาด และการสร้างแบรนด์สินค้า ขณะเดียวกันยังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการขนส่ง เพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์จาก 15% ต่อจีดีพี เหลือ 13% ต่อจีดีพี รวมถึงปรับโครงสร้างพลังงานให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด

ขณะที่เสาที่สอง คือ การยกเครื่องการศึกษา เพื่อสร้างแรงงานที่มีคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเตรียมพัฒนาอาชีวศึกษาแบบครบวงจร เพราะที่ผ่านมาในแต่ละปีรัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณมากถึง 5 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายการศึกษาไทยยังไม่สามารถตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศได้ ส่วนเสาที่สาม ถือเป็นเรื่องของการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจของภาคเอกชนให้ง่ายที่สุด และ เสาสุดท้ายคือ การขจัดการคอร์รัปชั่นในประเทศไทย เพราะหากการคอร์รัปชั่นยังขยายตัวอยู่ จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

แนะแก้คอร์รัปชั่นให้ตรงจุด

ด้าน “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า รัฐบาลชุดนี้รับฟังภาคเอกชนมากขึ้น โดยสิ่งที่เอกชนต้องการเห็นทิศทางเศรษฐกิจภายใต้การปฏิรูปประเทศมีด้วยกัน 3 ประเด็น คือ เรื่องของการตลาดที่ต้องผลักดันให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ, ลดต้นทุนการผลิตที่ต้องนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการพัฒนาวิจัย เข้ามาช่วยธุรกิจเพื่อลดต้นทุน และรัฐบาลต้องช่วยเหลือสภาพคล่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจ หากไม่มีเงินทุนแม้ว่าธุรกิจขยายตัวดีก็ไม่สามารถขยายกิจการได้

ส่วนเรื่องคอร์รัปชั่น เกิดขึ้นจาก 3 ฝ่าย คือ การเมือง ข้าราชการ และเอกชน จนเกิดการจ่ายเงินใต้โต๊ะ ซึ่งรัฐต้องแก้ให้ตรงจุด โดยในส่วนการเมืองจำเป็นต้องมีการรักษาฐานเสียงของตนเองทำให้บางรายมีการใช้เงินเพื่อให้เป็นผู้แทนฯ ขณะที่ข้าราชการปัญหามาจากเงินเดือนต่ำ ส่งผลให้บางรายต้องเข้าไปอยู่ในวนเวียนเรื่องรับเงินใต้โต๊ะ ส่วนภาคเอกชนนั้นพบว่านักธุรกิจบางรายต้องการได้เปรียบคู่แข่งในด้านการประมูล หรือต้องการความสะดวกสบายในการขอใบอนุญาตต่าง ๆ จึงเกิดปรากฏการณ์จ่ายเงินใต้โต๊ะ

ลุ้นปี 58 นักท่องเที่ยวเพิ่ม

ขณะที่ “อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) มองว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เชื่อว่าจะเพิ่มเป็น 30 ล้านคน และเร่งแก้ปัญหาการซ้ำซ้อนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างและพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรทั้งเรื่องภาษาและทักษะต่าง ๆ ซึ่งล่าสุด รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาก็จะมีการหารือกับผู้ประกอบการในการแก้ปัญหาต่าง ๆ แล้ว

“การลงทุนในการสร้างที่พัก โรงแรม เส้นทางการเดินทาง และของที่ระลึก มีความจำเป็นมากต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย ดังนั้นรัฐบาลต้องหามาตรการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพราะในปัจจุบันนักธุรกิจมีเงินทุนแค่ระยะสั้น ๆ หากเจอปัญหาอาจทำธุรกิจต่อไปไม่ไหว”

หนุนรัฐเดินถูกทางแล้ว

“สนั่น อังอุบลกุล” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เห็นว่า สาเหตุที่การบริโภคในประเทศชะลอตัว นอกจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำแล้ว ยังพบว่าส่วนหนึ่งมาจากที่ภาครัฐได้ปราบปรามการคอร์รัปชั่น และธุรกิจผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ทำให้ผู้กระทำความผิดต้องหยุดดำเนินการ ที่ผ่านมายอมรับว่าเงินผิดกฎหมายเหล่านี้ มีส่วนในการขับเคลื่อนภาคบริโภคของไทยได้เร็ว เนื่องจากเงินเหล่านี้เก็บไว้ได้ไม่นาน จึงจำเป็นต้องเร่งจ่ายและแปรรูปเป็นทรัพย์สินอื่นให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าปราบปรามของรัฐบาลเดินหน้ามาถูกทาง โดยมองว่าปี 57 การส่งออกจะขยายตัวเพียง 0-0.5% โดยในปีหน้าเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ และมีปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางเข้ามากดดันเศรษฐกิจโลก มีเพียงตลาดอาเซียน และการค้าชายแดนที่ยังเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นแรงบวกการส่งออกไทยให้เติบโตไปได้ที่ 4%

ทั้งหมดเป็นเพียงแนวคิดส่วนหนึ่งทั้งของภาครัฐและเอกชน ที่ถือเป็นความหวังของคนไทยที่ต้องการเห็นการยกเครื่องประเทศในทุกด้าน เพื่อขับเคลื่อนให้ไทยเกิดความยั่งยืนและการสร้างความอยู่ดีกินดีแก่ประชาชน แต่หากไม่เป็นไปตามที่หวัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. ทำมาก็เสียเวลาเปล่า!.

มนัส แวววันจิตร

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557