บอร์ดทีโอทีโชว์ผลงาน 3 เดือนลดขาดทุน 50% พร้อมปรับโครงสร้างอ
Posted: 19 Nov 2014, 16:30
บอร์ดทีโอทีโชว์ผลงาน 3 เดือนลดขาดทุน 50% พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่
ประธานบอร์ดทีโอทีคนใหม่ โชว์ผลงาน 3 เดือน มั่นใจลดการขาดทุนจากประมาณการเดิมเกือบ 50% เน้นการจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพ ลงทุนโครงการที่เกิดรายได้ เผยแผนระยะยาวทีโอทีต้องขาดทุนน้อยลง ประกาศปรับโครงสร้างใหม่ ลดการซ้ำซ้อนของงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน คนวงในติงเวลา และผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเกิดการแขวนลอยกันหรือไม่
พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ประธานบอร์ดบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 3 เดือน หลังจากเข้ามาทำงานตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.57 ว่า จะสามารถลดการขาดทุนของทีโอทีในปีนี้จากเดิม 7,800 ล้านบาท เหลือ 4,572 ล้านบาท จากรายได้เดิมที่ประมาณการไว้ 32,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน โดยมีปัจจัยมาจากการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการลงทุนที่เกิดรายได้ ลดรายจ่าย นอกจากนี้ ยังได้ปรับโครงสร้างองค์กรจาก 13 สายงาน เป็น 7 สายงาน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของงาน และปรับลักษณะการทำงานให้เป็นแบบเมทริก ให้พนักงาน 1 คน สามารถทำงานได้หลายอย่างเพื่อในอนาคตอาจจะทำให้ทีโอทีขาดทุนลดลง
สำหรับโครงสร้างองค์กรใหม่ของทีโอที 7 สายงาน ประกอบไปด้วย สายงานพัฒนาองค์กร, สายงานการตลาดและเทคโนโลยีสารสนเทศ, สายงานการเงินและบริหารทรัพย์สิน, สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ, สายงานปฏิบัติการ, สายงานขายและบริการภาครัฐและภาคเอกชน, สายงานขายและบริการลูกค้า โดยบอร์ดทีโอทีได้อนุมัติโครงสร้างใหม่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา และทีโอทีต้องปรับโครงสร้างใหม่ให้เรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเริ่มทำงานภายใต้โครงสร้างใหม่ได้ต้นเดือน ม.ค.58 ขณะที่การปรับลักษณะการทำงานให้เป็นแบบเมทริก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรนั้นก็เพื่อเพิ่มความรับผิดชอบตัวชี้วัดทางการขาย และทางผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนมากขึ้น
“ปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย และการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสายงานที่รับผิดชอบในการดูแลลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน และแยกสายงานในความรับผิดชอบดูแลลูกค้ารายย่อยอย่างใกล้ชิด เป็นกลไกในการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล รวมทั้งเป็นโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อสร้างความมั่นคงของประเทศ”
พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างนอกจากจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของการทำงานแล้ว ยังเป็นการตอบโจทย์ทิศทางการดำเนินงานของ 6 กลุ่มธุรกิจ ที่คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้แบ่งไว้ให้ ได้แก่ 1.กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 2.กลุ่มเสาโทรคมนาคม 3.กลุ่มอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ และเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ 4.กลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5.กลุ่มโทรศัพท์ประจำที่ และอินเทอร์เน็ต และ 6.กลุ่มบริการด้าน IT รวมทั้ง IDC และ Cloud ซึ่งแต่เดิม 6 กลุ่มธุรกิจนี้มีรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้ง 6 คนดูแลอยู่ แต่เมื่อมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้ง 6 นี้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งตาม 7 สายงานที่แบ่งใหม่ เพื่อให้รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้ง 6 คนดังกล่าว สามารถทำงานร่วมกับทั้ง 7 สายงานได้
สำหรับนโยบายเรื่องการลงทุนนั้น ทีโอที จะเน้นลงทุนแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้า และในพื้นที่ที่มีผลตอบแทนเป็นบวกชัดเจนเท่านั้น โดย ทีโอที จะไม่ลงทุนขยายเครือข่ายในลักษณะปูพรม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ WiFi ธุรกิจ FTTx หรือธุรกิจอื่นๆ ขณะที่การดำเนินงานจะปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ด้วยการปรับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความคล่องตัว และได้ราคาที่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้
พร้อมกันนี้ ยังได้จัดโครงการ Sale Incentive Program ในลักษณะกระตุ้นการสร้างกำไรและยอดขายของพนักงานเป็นครั้งแรก เพื่อให้รายได้เติบโตมากขึ้นกว่าการคาดการณ์ แบ่งเป็น 1.กลุ่มลูกค้า Mass โดยตั้งเป้าประมาณการกำไรจากการดำเนินงานหลังหักค่าตอบแทนการขายเพิ่มขึ้นประมาณ 164 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 344 ล้านบาท และรายได้เพิ่มขึ้น 452 ล้านบาท และ 2.กลุ่มลูกค้าองค์กร โดยตั้งเป้าประมาณการรายได้จาก Contract signing value เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500 ล้านบาท
ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจโดยหาพันธมิตร (TOT’s Strategic Partner) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศใน 6 กลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าธุรกิจร่วมกัน เป็นการเปิดกว้าง และเปิดรับกับทุกรูปแบบการทำธุรกิจทั้ง 6 กลุ่ม โดยไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่เน้นประโยชน์ร่วมกันของพันธมิตรธุรกิจทุกฝ่ายโดยพิจารณาจากประโยชน์สูงสุดของทีโอที และประเทศชาติเป็นหลัก
ตลอดจนการเพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่ายจากบริการโทรศัพท์สาธารณะทั่วประเทศ โดยการเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์สาธารณะเป็นเครื่องโทรศัพท์สาธารณะพร้อมตู้เติมเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้เพิ่ม และลดค่าใช้จ่ายของทีโอทีจากทรัพยากรที่มีอยู่ รวมถึงเป็นแนวทางต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยใช้จุดแข็งจากสถานที่ตั้งตู้โทรศัพท์สาธารณะที่มีอยู่ในปัจจุบันของทีโอ ที ซึ่งคาดว่าการเปลี่ยนเป็นเครื่องโทรศัพท์สาธารณะพร้อมตู้เติมเงิน จะทำให้ ทีโอที มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นประมาณ 150 ล้านบาท ใน 3 ปี
รวมถึงโครงการเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบ Asia - Africa - Europe - 1 (AAE-1) เป็นโครงการลงทุนจัดสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายหลักในประเทศต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตตามการเติบโตของบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จะส่งผลให้ประชาชนสามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึงในราคาที่เป็นมาตรฐานในความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงช่วยยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทราฟฟิกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นการเสริมความมั่นคงทางระบบโครงข่ายของประเทศด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งในการลงทุนระบบ AAE-1 ทีโอที จะมี Capacity ไม่ต่ำกว่า 3,600 Gbps
โครงการดังกล่าวจะทำให้ทีโอทีสามารถลดต้นทุนค่าเช่าวงจรอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 2,300 ล้านบาท รวมถึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มจากการให้บริการเช่าวงจรอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ ทีโอที สามารถสร้างรายได้ได้ในระยะยาวให้องค์กร โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ย.57 ทีโอที ได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือในการสร้างโครงการเคเบิลใต้น้ำ AAE-1 ซึ่งคาดว่าโครงการจะสามารถเปิดใช้งานได้ในปี 59
“การดำเนินงานระยะยาวนี้ในขั้นต้นจะช่วยกำหนดจุดยืนให้ ทีโอที เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต ส่วนการดำเนินงานระยะสั้นจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขัน และช่วยให้ ทีโอที รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้”
แหล่งข่าวในทีโอที กล่าวว่า หากวิเคราะห์โครงสร้างใหม่ในส่วนของ 6 กลุ่มธุรกิจที่มี 6 รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ดูแล ซึ่งก็คงต้องนั่งดู และได้แค่แลจริงๆ เพราะไม่มีลูกน้องภายใต้การบังคับบัญชาเลย ความเข้าใจตอนแรกเหมือนการแขวนลอย ไม่มีอำนาจวาสนาใดๆ แต่เหตุผลที่กล่าวอ้างอาจสวยหรู แต่ในแง่การทำงานจริงน่าจะเกิดปัญหาพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการส่งมอบงาน การโอนย้ายทรัพย์สิน การเดินเอกสารภายใน ตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ โครงสร้างผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย และส่วนต่างๆ
“ถึงแม้จะมีบอร์ดบางคนบอกว่า ไม่ใช่การแขวนลอยก็ตาม แต่ต้องดูผลการปรับโครงสร้างที่สำเร็จในวงคนสนิทแค่ 5-6 คน ว่า จะวุ่นวายแค่ไหน และสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร”
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
บอร์ดทีโอทีโชว์ผลงาน 3 เดือนลดขาดทุน 50% พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557
ประธานบอร์ดทีโอทีคนใหม่ โชว์ผลงาน 3 เดือน มั่นใจลดการขาดทุนจากประมาณการเดิมเกือบ 50% เน้นการจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพ ลงทุนโครงการที่เกิดรายได้ เผยแผนระยะยาวทีโอทีต้องขาดทุนน้อยลง ประกาศปรับโครงสร้างใหม่ ลดการซ้ำซ้อนของงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน คนวงในติงเวลา และผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเกิดการแขวนลอยกันหรือไม่
พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ประธานบอร์ดบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 3 เดือน หลังจากเข้ามาทำงานตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.57 ว่า จะสามารถลดการขาดทุนของทีโอทีในปีนี้จากเดิม 7,800 ล้านบาท เหลือ 4,572 ล้านบาท จากรายได้เดิมที่ประมาณการไว้ 32,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน โดยมีปัจจัยมาจากการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการลงทุนที่เกิดรายได้ ลดรายจ่าย นอกจากนี้ ยังได้ปรับโครงสร้างองค์กรจาก 13 สายงาน เป็น 7 สายงาน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของงาน และปรับลักษณะการทำงานให้เป็นแบบเมทริก ให้พนักงาน 1 คน สามารถทำงานได้หลายอย่างเพื่อในอนาคตอาจจะทำให้ทีโอทีขาดทุนลดลง
สำหรับโครงสร้างองค์กรใหม่ของทีโอที 7 สายงาน ประกอบไปด้วย สายงานพัฒนาองค์กร, สายงานการตลาดและเทคโนโลยีสารสนเทศ, สายงานการเงินและบริหารทรัพย์สิน, สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ, สายงานปฏิบัติการ, สายงานขายและบริการภาครัฐและภาคเอกชน, สายงานขายและบริการลูกค้า โดยบอร์ดทีโอทีได้อนุมัติโครงสร้างใหม่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา และทีโอทีต้องปรับโครงสร้างใหม่ให้เรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเริ่มทำงานภายใต้โครงสร้างใหม่ได้ต้นเดือน ม.ค.58 ขณะที่การปรับลักษณะการทำงานให้เป็นแบบเมทริก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรนั้นก็เพื่อเพิ่มความรับผิดชอบตัวชี้วัดทางการขาย และทางผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนมากขึ้น
“ปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย และการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสายงานที่รับผิดชอบในการดูแลลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน และแยกสายงานในความรับผิดชอบดูแลลูกค้ารายย่อยอย่างใกล้ชิด เป็นกลไกในการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล รวมทั้งเป็นโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อสร้างความมั่นคงของประเทศ”
พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างนอกจากจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของการทำงานแล้ว ยังเป็นการตอบโจทย์ทิศทางการดำเนินงานของ 6 กลุ่มธุรกิจ ที่คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้แบ่งไว้ให้ ได้แก่ 1.กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 2.กลุ่มเสาโทรคมนาคม 3.กลุ่มอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ และเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ 4.กลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5.กลุ่มโทรศัพท์ประจำที่ และอินเทอร์เน็ต และ 6.กลุ่มบริการด้าน IT รวมทั้ง IDC และ Cloud ซึ่งแต่เดิม 6 กลุ่มธุรกิจนี้มีรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้ง 6 คนดูแลอยู่ แต่เมื่อมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้ง 6 นี้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งตาม 7 สายงานที่แบ่งใหม่ เพื่อให้รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทั้ง 6 คนดังกล่าว สามารถทำงานร่วมกับทั้ง 7 สายงานได้
สำหรับนโยบายเรื่องการลงทุนนั้น ทีโอที จะเน้นลงทุนแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้า และในพื้นที่ที่มีผลตอบแทนเป็นบวกชัดเจนเท่านั้น โดย ทีโอที จะไม่ลงทุนขยายเครือข่ายในลักษณะปูพรม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ WiFi ธุรกิจ FTTx หรือธุรกิจอื่นๆ ขณะที่การดำเนินงานจะปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ด้วยการปรับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความคล่องตัว และได้ราคาที่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้
พร้อมกันนี้ ยังได้จัดโครงการ Sale Incentive Program ในลักษณะกระตุ้นการสร้างกำไรและยอดขายของพนักงานเป็นครั้งแรก เพื่อให้รายได้เติบโตมากขึ้นกว่าการคาดการณ์ แบ่งเป็น 1.กลุ่มลูกค้า Mass โดยตั้งเป้าประมาณการกำไรจากการดำเนินงานหลังหักค่าตอบแทนการขายเพิ่มขึ้นประมาณ 164 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 344 ล้านบาท และรายได้เพิ่มขึ้น 452 ล้านบาท และ 2.กลุ่มลูกค้าองค์กร โดยตั้งเป้าประมาณการรายได้จาก Contract signing value เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500 ล้านบาท
ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจโดยหาพันธมิตร (TOT’s Strategic Partner) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศใน 6 กลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าธุรกิจร่วมกัน เป็นการเปิดกว้าง และเปิดรับกับทุกรูปแบบการทำธุรกิจทั้ง 6 กลุ่ม โดยไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่เน้นประโยชน์ร่วมกันของพันธมิตรธุรกิจทุกฝ่ายโดยพิจารณาจากประโยชน์สูงสุดของทีโอที และประเทศชาติเป็นหลัก
ตลอดจนการเพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่ายจากบริการโทรศัพท์สาธารณะทั่วประเทศ โดยการเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์สาธารณะเป็นเครื่องโทรศัพท์สาธารณะพร้อมตู้เติมเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้เพิ่ม และลดค่าใช้จ่ายของทีโอทีจากทรัพยากรที่มีอยู่ รวมถึงเป็นแนวทางต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยใช้จุดแข็งจากสถานที่ตั้งตู้โทรศัพท์สาธารณะที่มีอยู่ในปัจจุบันของทีโอ ที ซึ่งคาดว่าการเปลี่ยนเป็นเครื่องโทรศัพท์สาธารณะพร้อมตู้เติมเงิน จะทำให้ ทีโอที มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นประมาณ 150 ล้านบาท ใน 3 ปี
รวมถึงโครงการเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบ Asia - Africa - Europe - 1 (AAE-1) เป็นโครงการลงทุนจัดสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายหลักในประเทศต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตตามการเติบโตของบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จะส่งผลให้ประชาชนสามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึงในราคาที่เป็นมาตรฐานในความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงช่วยยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทราฟฟิกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นการเสริมความมั่นคงทางระบบโครงข่ายของประเทศด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งในการลงทุนระบบ AAE-1 ทีโอที จะมี Capacity ไม่ต่ำกว่า 3,600 Gbps
โครงการดังกล่าวจะทำให้ทีโอทีสามารถลดต้นทุนค่าเช่าวงจรอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 2,300 ล้านบาท รวมถึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มจากการให้บริการเช่าวงจรอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ ทีโอที สามารถสร้างรายได้ได้ในระยะยาวให้องค์กร โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ย.57 ทีโอที ได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือในการสร้างโครงการเคเบิลใต้น้ำ AAE-1 ซึ่งคาดว่าโครงการจะสามารถเปิดใช้งานได้ในปี 59
“การดำเนินงานระยะยาวนี้ในขั้นต้นจะช่วยกำหนดจุดยืนให้ ทีโอที เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต ส่วนการดำเนินงานระยะสั้นจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขัน และช่วยให้ ทีโอที รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้”
แหล่งข่าวในทีโอที กล่าวว่า หากวิเคราะห์โครงสร้างใหม่ในส่วนของ 6 กลุ่มธุรกิจที่มี 6 รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ดูแล ซึ่งก็คงต้องนั่งดู และได้แค่แลจริงๆ เพราะไม่มีลูกน้องภายใต้การบังคับบัญชาเลย ความเข้าใจตอนแรกเหมือนการแขวนลอย ไม่มีอำนาจวาสนาใดๆ แต่เหตุผลที่กล่าวอ้างอาจสวยหรู แต่ในแง่การทำงานจริงน่าจะเกิดปัญหาพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการส่งมอบงาน การโอนย้ายทรัพย์สิน การเดินเอกสารภายใน ตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ โครงสร้างผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย และส่วนต่างๆ
“ถึงแม้จะมีบอร์ดบางคนบอกว่า ไม่ใช่การแขวนลอยก็ตาม แต่ต้องดูผลการปรับโครงสร้างที่สำเร็จในวงคนสนิทแค่ 5-6 คน ว่า จะวุ่นวายแค่ไหน และสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร”
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
บอร์ดทีโอทีโชว์ผลงาน 3 เดือนลดขาดทุน 50% พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557