ไอ-โมบายแตกไลน์'ไอ-คิว'เจาะกลุ่มพรีเมียม

[brid.ladawan]

ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824


View Profile Email


ไอ-โมบายแตกไลน์'ไอ-คิว'เจาะกลุ่มพรีเมียม
« on: November 26, 2012, 03:06:15 pm »

ไอ-โมบายแตกไลน์'ไอ-คิว'เจาะกลุ่มพรีเมียม
วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2012 เวลา 10:23 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ไอทีดอทคอม - คอลัมน์ : ไอทีดอตคอม

ไอคิว จะเป็นแบรนด์ที่เน้นสมาร์ทโฟนและแอนดรอยด์จอกว้าง 4-5 นิ้วขึ้นไปแม้ ตอนนี้ ไอโฟน กับ ซัมซุง จะเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก แต่สำหรับแบรนด์มือถือในไทยชื่อชั้นของ "ไอ-โมบาย" มีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับ 1 ใน 5 แม้ก่อนหน้านี้บรรดาเชนสโตร์ในเมืองไทยว่าจ้างต่างประเทศผลิตและ

สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองเพื่อจำหน่าย แต่สุดท้ายก็ล้มหายตายจาก เหลือก็แต่เพียงแบรนด์ "ไอ-โมบาย" เท่านั้นที่ยืนปักหลักในตลาดได้ถึง ณ วันนี้
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ไอ-โมบาย ได้แตกไลน์แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "ไอคิว" (IQ) เหตุผลเพราะอะไรนั้นติดตามอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ได้ในบรรทัดถัดจากนี้
***ทำไมต้อง ไอคิว
ที่ใช้ชื่อว่า ไอคิว ความหมายก็คือ คนที่ซื้อสินค้าของเราเป็นคนฉลาดเพราะสินค้าของ ไอคิว ลูกค้าซื้อไปจะคุ้มค่าในเรื่องการใช้งานและราคา และ ไอคิว จับกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มและเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระบบแอนดรอยด์ซึ่งเป็น ระบบเปิด นอกจากนี้เราวางโพสิชันนิงสินค้า คือ "ฉลาดที่จะเปลี่ยนกับฟังก์ชันอัจฉริยะ(Intelligence of change) โดยกำลังเปิดตัว ไอคิว รุ่นใหม่หลายรุ่น คือ ไอคิว1 ไอคิว2 และ ไอคิว 5 ได้แก่ กล้องหลัก 8 MP กล้องหน้า 2 MP ถ่ายภาพสวยระดับมืออาชีพ และบันทึกวิดีโอได้คมชัด , BSI Camera เทคโนโลยี BSI ถ่ายภาพสวยแม้ในที่มีแสงน้อย, 5" Display หน้าจอ FWVGA ขนาดใหญ่ 5 นิ้ว
*** ทำไมแตกไลน์จาก ไอ-โมบาย
ไอคิว จะเป็นสินค้าที่ออกมาเป็นซีรีส์ซึ่งหลังจากนี้เราจะทำตลาดค่อนข้างเยอะราคา จะปรับตัวสูงขึ้นเพราะเราต้องการให้ ไอคิว เป็นสินค้าพรีเมียมแบรนด์ คือ ผมไม่ต้องการให้ลูกค้ามองว่าสินค้าของ ไอ-โมบาย เป็นสินค้าราคาถูก ดังนั้นเราถึงแตกไลน์สินค้าออกไป เนื่องจาก ไอคิว จะเป็นแบรนด์ที่เน้นเรื่องของสมาร์ทโฟนและแอนดรอยด์มีหน้าจอกว้างตั้งแต่ 4-5 นิ้วขึ้นไป
alt*** ทดแทนไอ-โมบาย
ไอ-โมบาย เราก็ยังจำหน่ายอยู่แต่การเปลี่ยนเป็น ไอคิว ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์สินค้าให้มีราคาแพงขึ้นและราคาสูงขึ้น ดังนั้นเราต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่จากที่มองว่าเป็นของถูก แต่สินค้าของ ไอคิว จะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพกล้องถ่ายภาพใช้ของ โซนี่ ขนาดจอก็มีหลายรุ่น
*** เดือนสุดท้ายรุกตลาดอย่างไร
ช่วงเดือนสุดท้ายจะเห็นแบรนด์ ไอคิว เพิ่มมากขึ้นโดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนที่รองรับ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2 แสนเครื่อง โดยราคาสินค้ามีหลากหลายแบรนด์และหลากหลายรุ่นให้เลือก โดยโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ ไอ-โมบาย และ ไอคิว จะเน้นเรื่องของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เนื่องจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นระบบเปิดและมีผู้ใช้บริการค่อนข้าง หลากหลาย
*** ปีนี้รุกตลาดต่อเนื่อง
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเราวางแผนรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยจำหน่ายมือถือกลุ่มสมาร์ทโฟนจำนวนมากกว่า 15 รุ่น ตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 5 แสนเครื่อง ภายในปี 2555 ไอ-โมบาย ยังเน้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสมาร์ทโฟน ตระกูลไอ-สไตล์ (i-STYLE) 3G แอนดรอยด์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ เช่น i-STYLE 1 (ราคา 3,990 บาท) และ i-STYLE 2 (ราคา 4,190 บาท) สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานแอพพลิเคชันต่างๆ ของแอนดรอยด์ รวมทั้งฟังก์ชันมัลติมีเดีย เช่น สองซิม ดูทีวี และวิดีโอคอล i-STYLE Q1 และ i-STYLE Q2 เจาะกลุ่มผู้ใช้ แอนดรอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูง ฟังก์ชันครบครัน แตกต่างด้วยแอพพลิเคชันโซเชียลแชตที่ใช้งานได้ทันที โดยทำตลาดร่วมกับแพ็กเกจซิม i-mobile 3GX เพื่อให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 3G แบบความเร็วสูง"
"นอกจากนี้ไอ-โมบายยังให้ความสำคัญทั้งกับมัลติมีเดียโฟนที่เจาะกลุ่มแมส มาร์เก็ต สำหรับมือถือกลุ่ม ฟีเจอร์โฟน ตระกูลซ่า (ZAA) โดยมีฟังก์ชันคุ้มค่าคุ้มราคา ดีไซน์ทันสมัยเป็นเอกลักษณ์ และมือถือกลุ่มสมาร์ทฟีเจอร์โฟน ตระกูลไอเดีย (idea) สำหรับออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์ก และมีแอพพลิเคชันที่น่าสนใจ ดีไซน์สมาร์ตทันสมัย ตรงความต้องการของตลาด รวมถึงโทรศัพท์มือถือกลุ่มไลฟ์สไตล์โฟน ได้แก่ สปอร์ตโฟน มิวสิกโฟน โฮโรโฟน และเกมโฟน เพื่อตอบสนองความต้องการทุกไฟล์สไตล์ของผู้บริโภคให้มากที่สุด"
**ถึงตอนนี้ยอดจำหน่ายสินค้า
ในช่วงไตรมาส 4 เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ และกำไรเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีสัญญาณบวกในหลายๆ ด้าน เช่น การพลิกฟื้นของไอ-โมบาย ซึ่งในไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียว สามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟน ไปได้แล้วเกือบ 2 แสนเครื่อง อีกทั้งยังจะมีการรับรู้รายได้จากพอร์ทัลเน็ต และจากงานโครงการใหม่ๆของกลุ่มไอซีที โซลูชัน ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือที่จะทยอยสร้างรายได้รวมแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท และจะพยายามสร้างรายได้จากธุรกิจประจำให้มีสัดส่วน 50% ของรายได้รวม เพื่อลดความเสี่ยง โดยในปี 2555 คาดว่ารายได้จากธุรกิจประจำจะเท่ากับ 5,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาทในปี 2556 ด้วย
*** ตั้งเป้ายอดขายปี 56
ปีหน้าเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนที่รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 1 ล้านเครื่อง ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ฟีดเจอร์โฟนนั้นต่อไปในอนาคตจะน้อยลง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,795 วันที่ 25-28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555