7 วิธีคิดเพื่อความสุขคนวัยทำงาน

[brid.siriwan]

7 วิธีคิดเพื่อความสุขคนวัยทำงาน


ไม่ว่าด้วยวิธีได้ก็ตาม การได้มาซึ่งความสำเร็จในชีวิต คือปลายทางความฝันของมนุษย์แทบทุกคน แต่จะไปลงเอย ณ จุดใดนั้น ขึ้นอยู่กับวิธี หรือหลักยึดเหนี่ยวของแต่ละราย และ mars ขออนุญาตนำเสนอหลักคิด 7 ประการ เชื่อว่าสามารถช่วยให้คุณกลายเป็นคนเข้าใจธรรมชาติชีวิตการทำงานพร้อมปรับ สมดุลร่างกายให้สอดคลองกับจิตใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกเครียดกับภาวะแวดล้อมที่กำลังเผชิญอยู่

1. คิดบวกอยู่เสมอ
ไม่ว่าใครย่อมเจอปัญหาในการทำงาน ผลตามมาคือความเครียดสะสม กลายเป็นมะเร็งทางความคิดเกาะกินสภาพจิตใจให้ทรุดโทรมไปทีละเล็กทีละน้อย หากเพียงเราปรับทัศนคติเกี่ยวกับปัญหาเสียใหม่ มองปัญหาคือความท้าทาย หรือกรณีแก้ไขไม่ได้อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์จนเกิดความท้อแท้ รวมไปถึงรู้จัก ‘ฝัน’ ถึงภาพที่จะทำให้เรามีความสุขเสียบ้าง เพื่อล้อมกรอบสุขภาวะทางจิตให้ตนเอง
2. พอใจในความเป็นตัวเอง
การเคารพตัวเองเป็นพลังใจอันยิ่งใหญ่ เมื่อคุณมองเห็นข้อดี หรือภูมิใจในสิ่งที่เป็นอยู่ คุณจะไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหากเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จมากกว่า ร่ำรวย มีรถหรูกว่า ผลคือเมื่อพอใจในสิ่งที่มีก็ไม่ต้องเหนื่อยขวนขวาย เอาชนะใคร
3. ความสุขเกิดได้จากจุดเล็กๆ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจตัวเองเสียก่อน สร้างจินตนาการถึงโลกความสุขในแบบฉบับของคุณ จากนั้นค่อยๆ ผูกโยงสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกัน เช่นเมื่อคุณเป็นนักบัญชี ให้มองว่าความสุขของคุณคือการทำงานกับตัวเลข แม้งานล้นมือให้พึงระลึกอยู่เสมอว่าได้ทำงานที่รัก สามารถใช้สมองอยู่กับตัวเลขอย่างสบายใจ ส่วนจะผิดถูกอย่างไรนั้นคงต้องพ่วงไปกับความตั้งใจ และสติเป็นสำคัญ
4. อดทน และอดทน
เมื่อมีเหตุให้เสียความรู้สึกหรือขุ่นข้องใจ การเหวี่ยงอารมณ์กระฟัดกระเฟียด กระแทกแดกดันใส่ผู้อื่นไม่เกิดประโยชน์อันใด แถมยังให้เราถูกมองในด้านลบ กลายเป็นคนไม่รู้จักวิธีจัดการความโกรธ หากเกิดในบุคคลตำแหน่งหัวหน้าจะยิ่งเสียภาพลักษณ์มากเข้าไปอีก วิธีง่ายๆ เพื่อออกจากจุดดังกล่าวคือ ‘ตั้งสติ’ อาจ หนีออกมาจากสิ่งแวดล้อมนั้นๆ เพื่อให้เวลากับตัวเองสักพัก จากนั้นค่อยๆ ทบทวนด้วยเหตุผล หากพบว่าสิ่งที่กำลังโมโหอยู่ไม่ได้มีต้นตอจากตัวเราจงปล่อยวาง ให้คิดเสมอว่า ‘มนุษย์มีปัญญาไม่เท่ากัน’
5. จงทำงานให้หนัก
การทำงานหนักในที่นี้ไม่ใช่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แต่คือการรับผิดชอบหน้าที่ตนเองอย่างสุดความสามารถ ใส่ใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่ามองว่า ‘ปล่อยไปก่อนเดี๋ยวค่อยแก้’ เพราะในบางครั้งหัวหน้างาน หรือบุคคลอื่นเขาอาจไม่มองเป็นเรื่องเล็ก ดังนั้นการปิดประตูความผิดพลาดคือหนทางแห่งความสำเร็จของงาน
6. เว้นช่องว่างให้ตัวเอง
จากข้อ 5 ทำงานหนัก แต่ไม่ใช่ ‘บ้างาน’ มีผลสำรวจว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจะ 'ไม่หอบงานกลับทำที่บ้าน’ เรียก ว่าระฆังตีหมดยกเมื่อไหร่ เขาจะใช้ช่วงเวลาหลังเลิกงานหาความสุขให้ตัวเอง หรือให้เวลากับครอบครัว เนื่องจากช่วยลดทอนความตึงเครียดได้มาก บางรายอาจถึงขั้นปิดทุกช่องทางสื่อสารเลยก็มี
7. เตรียมพร้อมเสมอ
เมื่อสติคือสิ่งสำคัญกับการทำงาน ดังนั้นไม่ว่ามีเหตุสุดวิสัยใดเข้ามาจึ้งต้องใช้เจ้า ‘สติ’ นี่เองมาคอยเป็นเครื่องแก้ปัญหา อย่าตระหนกหรือเครียดเกินไปหากพบว่า สิ่งซึ่งกำลังประสบอยู่สามารถแก้ไขได้ แค่อาจต้องใช้ความรู้ความสามารถมากกว่าเดิม หรือกรณีแก้ไขไม่ได้ ให้ลองทบทวนอย่างช้าๆ ว่าเราจะทำเช่นไรต่อ การตีโพยตีพายรังแต่จะสร้างความเครียดมากขึ้น ลองหาตัวช่วยอื่นเช่นปรึกษาผู้รู้หรือ กล้าคุยกับเจ้านายตรงๆ เพราะคำว่า ‘ทุกปัญหามีทางออก’ คือสิ่งพิสูจน์ได้จริง
ทั้ง 7 ข้อเป็นเพียงหลักคิดง่ายๆ ส่วนจะทำง่ายหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับการปรับทัศนคติของท่านเป็นสำคัญ หากไปจับจดอยู่กับสิ่งใดมากเกินความภาวะความเครียดย่อมถามหา ตามมาด้วยปัญหาสุขภาพนานัปการ

เรียบเรียงข้อมูลจาก Lifehack
ภาพประกอบจาก marmalade.hu


ที่มา Marsmag
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2557