Page 1 of 1

ศูนย์วิจัยฯจับตาการเมืองชี้ชะตาท่องเที่ยว

Posted: 22 Nov 2014, 08:59
by brid.siriwan
ศูนย์วิจัยฯจับตาการเมืองชี้ชะตาท่องเที่ยว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยการเมืองชี้ชะตาท่องเที่ยวปีหน้า เร่งดึงความเชื่อมั่นความปลอดภัยกลับคืนมา พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่

รายงานข่าวศูนย์วิจัยกสิกรไทยแจ้งว่า แนวโน้มการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในปี 58 มีหลายประเด็นท้าทายที่ต้องจับตา เพราะอาจจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยประเด็นระดับมหภาค เช่น เสถียรภาพทางการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสายตาชาวต่างชาติ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวเป้าหมายหลักของไทย โดยเฉพาะจีน รัสเซีย และประเทศยุโรป รวมถึงประเด็นเฉพาะของภาคธุรกิจบริการด้านท่องเที่ยว เช่น มาตรการด้านความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ที่จะเรียกความเชื่อมันด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวกลับคืนมา ตลอดจนการแสวงหาช่องทางและดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเพื่อเจาะลูกค้าใหม่ๆ เป็นต้น


ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังไทยประมาณ 7.35 ล้านคน หรือเติบโตในอัตรา 5.4% หลังจากที่หดตัวเฉลี่ย 10.4% ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา และทั้งปีตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยน่าจะติดลบ 5.8 % จากก่อนหน้า นี้ที่ขยายตัวสูงถึง 18.8% โดยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 25 ล้านคน และสร้างรายได้ท่องเที่ยวสะพัดภายในประเทศมูลค่า 1.167 ล้านล้านบาท ลดลง 3.3% จากปี 56 ที่มีรายได้ท่องเที่ยวมูลค่า 1.207 ล้านล้านบาท

"แม้สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 57จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่อาจจะไม่คึกคักเหมือนกับช่วงเดียวกันของหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากมีปัจจัยท้าทายหลายประการ โดยแบ่งเป็นปัจจัยภายในของไทย เช่น การใช้กฎอัยการศึกที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังวางแผนเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นปีนี้เป็นต้น ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น เสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจที่มีผลต่อการใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงกิจกรรมการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของหลายประเทศในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากการดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเป้าหมาย เช่นมาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว เป็นต้น"


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2557