ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิต่ำสุดแล้ว
Posted: 25 Nov 2014, 13:52
ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิต่ำสุดแล้ว
“พาณิชย์” ยันราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันต่ำสุดแล้ว คาดแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นแน่นอน หลังผลผลิตออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตรอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาข้าวเปลือกในตลาดปัจจุบันนี้เชื่อว่าจะเป็นระดับราคาต่ำสุด และหลังจากนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมาเพราะจากการลงไปสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวที่จังหวัดร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ได้รับการยืนยันจากนายกสมาคมโรงสีในพื้นที่ดังกล่าวว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นโดยราคาซื้อขายล่าสุด พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิสดอยู่ที่กก. 11-11.5 บาท หรือตันละ 11,000 – 15,000 บาท
ทั้งนี้แม้ว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันจะยังไม่ถึงเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการผลักดันให้ระดับราคาขึ้นไปอยู่ที่ตันละ 15,000 – 16,000 บาทเพราะเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาข้าวมีความชื้นสูง ทำให้ราคาจึงถูกหักค่าความชื้นมากแต่หลังจากนี้ชาวนาซึ่งเข้าใจวิธีเก็บเกี่ยวที่จะทำให้ข้าวมีความชื้นต่ำลงก็จะทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวดีขึ้น
“มีการคาดการณ์ว่าข้าวเปลือกหอมมะลิจะมีผลผลิตน้อยกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงมาตรการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้งการรับจำนำยุ้งฉางการเก็บสต๊อกข้าวล่วงหน้า จะช่วยให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน”
ร.ต.ท.เจริญเหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าจากปัญหาราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำในขณะนี้ ทางสมาคมฯได้เสนอต่อ พล.อ.ฉัตรชัยสาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ถึงมาตรการที่ผู้ส่งออกจะช่วยรัฐบาลดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด 2 แนวทาง คือขอความร่วมมือให้สมาชิกสมาคมฯ 200 ราย ซื้อข้าวสารหอมมะลิใหม่เพื่อมาเก็บในสต๊อกตามหลักเกณฑ์ของกรมการค้าภายในที่กำหนดให้ผู้ค้าข้าวจะต้องมีสต๊อกข้าวขั้นต่ำรายละ 500 ตัน โดยแนวทางนี้สามารถดำเนินการได้ทันทีคาดว่าจะช่วยดูดปริมาณผลผลิตส่วนเกินได้ 100,000 ตัน ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 2,700 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ จะขอความร่วมมือผู้ส่งออกรายใหญ่ประมาณ 10 รายช่วยกันร่วมซื้อข้าวหอมมะลิ 300,000 ตัน ในตลาดมาเก็บเป็นสต๊อกโดยรัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชยให้ ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขให้ทุกรายรับซื้อข้าวตามราคาตลาดในช่วงที่ผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดจำนวนมากนับตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค. 57
“วิธีการนี้ผู้ส่งออกทุกรายยอมควักกระเป๋ามาช่วยเหลือราคาข้าวโดยปริมาณข้าว 300,000 ตัน ที่จะซื้อมาเก็บไว้ หากคิดราคาข้าวสารหอมมะลิตันละ 27,000 บาท จะต้องใช้เงิน 8,000 ล้านบาท ไม่นับรวมค่าเช่า และดอกเบี้ยอีกเป็นสิ่งที่ทางผู้ส่งออกได้เสนอกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557
“พาณิชย์” ยันราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันต่ำสุดแล้ว คาดแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นแน่นอน หลังผลผลิตออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตรอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาข้าวเปลือกในตลาดปัจจุบันนี้เชื่อว่าจะเป็นระดับราคาต่ำสุด และหลังจากนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมาเพราะจากการลงไปสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวที่จังหวัดร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ได้รับการยืนยันจากนายกสมาคมโรงสีในพื้นที่ดังกล่าวว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นโดยราคาซื้อขายล่าสุด พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิสดอยู่ที่กก. 11-11.5 บาท หรือตันละ 11,000 – 15,000 บาท
ทั้งนี้แม้ว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันจะยังไม่ถึงเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการผลักดันให้ระดับราคาขึ้นไปอยู่ที่ตันละ 15,000 – 16,000 บาทเพราะเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาข้าวมีความชื้นสูง ทำให้ราคาจึงถูกหักค่าความชื้นมากแต่หลังจากนี้ชาวนาซึ่งเข้าใจวิธีเก็บเกี่ยวที่จะทำให้ข้าวมีความชื้นต่ำลงก็จะทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวดีขึ้น
“มีการคาดการณ์ว่าข้าวเปลือกหอมมะลิจะมีผลผลิตน้อยกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงมาตรการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้งการรับจำนำยุ้งฉางการเก็บสต๊อกข้าวล่วงหน้า จะช่วยให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน”
ร.ต.ท.เจริญเหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าจากปัญหาราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำในขณะนี้ ทางสมาคมฯได้เสนอต่อ พล.อ.ฉัตรชัยสาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ถึงมาตรการที่ผู้ส่งออกจะช่วยรัฐบาลดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด 2 แนวทาง คือขอความร่วมมือให้สมาชิกสมาคมฯ 200 ราย ซื้อข้าวสารหอมมะลิใหม่เพื่อมาเก็บในสต๊อกตามหลักเกณฑ์ของกรมการค้าภายในที่กำหนดให้ผู้ค้าข้าวจะต้องมีสต๊อกข้าวขั้นต่ำรายละ 500 ตัน โดยแนวทางนี้สามารถดำเนินการได้ทันทีคาดว่าจะช่วยดูดปริมาณผลผลิตส่วนเกินได้ 100,000 ตัน ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 2,700 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ จะขอความร่วมมือผู้ส่งออกรายใหญ่ประมาณ 10 รายช่วยกันร่วมซื้อข้าวหอมมะลิ 300,000 ตัน ในตลาดมาเก็บเป็นสต๊อกโดยรัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชยให้ ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขให้ทุกรายรับซื้อข้าวตามราคาตลาดในช่วงที่ผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดจำนวนมากนับตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค. 57
“วิธีการนี้ผู้ส่งออกทุกรายยอมควักกระเป๋ามาช่วยเหลือราคาข้าวโดยปริมาณข้าว 300,000 ตัน ที่จะซื้อมาเก็บไว้ หากคิดราคาข้าวสารหอมมะลิตันละ 27,000 บาท จะต้องใช้เงิน 8,000 ล้านบาท ไม่นับรวมค่าเช่า และดอกเบี้ยอีกเป็นสิ่งที่ทางผู้ส่งออกได้เสนอกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557