ยกระดับอาหารไทยในสวีเดน

[brid.siriwan]

ยกระดับอาหารไทยในสวีเดน

สถาบันอาหารชี้ ร้านอาหารไทยรุ่งในสวีเดน ทั้งต้มยำ ผัดไทย ส้มตำ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงฮิตติดลมบน แนะสร้างจุดขายเพิ่มความรู้สมุนไพร ชูแตกต่างชาติเอเชียคู่แข่ง

นายเพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค และปัจจัยการเลือกรับประทานอาหาร ในร้านอาหารไทยของประเทศสวีเดน พบว่า เมนูอาหารไทยที่ชาวสวีเดนชื่นชอบมากที่สุด คือเมนูต้มยำกุ้ง ผัดไทย ส้มตำ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง โดยมองว่าร้านอาหารไทยต้องมีกลยุทธ์อื่นประกอบ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความแตกต่าง ระหว่างอาหารไทย กับอาหารเอเชีย ของประเทศคู่แข่ง ให้เน้นเรื่องอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อาจให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบ และสมุนไพรของไทย ที่ใส่ในอาหาร เพื่อสร้างความเข้าใจ ให้รู้คุณค่าของอาหารไทยมากขึ้น

ทั้งนี้ชาวสวีเดน จะนิยมรับประทานอาหารไทยตลอดทั้งปี แต่ที่นิยมมากที่สุดคือช่วงฤดูหนาว มากกว่าฤดูร้อน ที่ชาวสวีเดนจะหยุดพักผ่อนประจำปี โดยนิยมใช้บริการแบบสั่งกลับบ้าน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าด้วย เพราะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 12% แต่หากทานที่ร้าน ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 25%

“สถาบันอาหาร กำลังจัดทำโครงการเสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่อุตสาหกรรมอาหาร โดยส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหาร ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมประเทศเป้าหมาย ในส่วนของประเทศสวีเดนนั้น พบว่า ผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทย เป็นกลุ่มมีรายได้ปานกลาง 250,000 โครนสวีเดนต่อปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เห็นว่าอาหารไทยมีราคาที่เหมาะสม มีรสชาติดี และอร่อย โดยผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารไทยในสวีเดน ควรทำร้านที่ให้บริการระดับกลาง ให้บริการอาหารจานเดียว และบริการแบบสั่งกลับบ้าน เพราะชาวสวีเดนนิยมรับประทานอาหารที่บ้าน”

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องส่งเสริมการทำงานวิจัย และพัฒนาอาหารพร้อมรับประทาน ในเมนูที่ได้รับความนิยม ในแต่ละประเทศเป้าหมายให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น ทั้งรูปแบบอาหารแปรรูป พร้อมรับประทาน แช่เย็น และ แช่แข็ง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมรับประทานอาหารที่บ้าน และใช้เวลาในการรับประทานอาหารไม่นาน ประกอบกับความนิยมในอาหารไทยแพร่หลาย ทำให้ตลาดอาหารแปรรูป พร้อมรับประทาน เป็นตลาดที่มีลูกค้าเป็นจำนวนมาก

“ภาครัฐต้องส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มธุรกิจอาหาร ที่เชี่ยวชาญในการแปรรูปอาหารพร้อมรับประทาน ให้เริ่มทำวิจัยพัฒนา และผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเป้าหมาย โดยมีมาตรการส่งเสริม เพื่อจูงใจ เช่น สนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนา ส่งนักวิจัยของรัฐเข้าไปร่วมวิจัย และพัฒนาร่วมกับผู้ประกอบการ ร่วมถึงให้สิทธิพิเศษทางภาษีต่าง ๆ”

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2557