Page 1 of 1

ไทย-ญี่ปุ่นผนึกกำลังพัฒนาธุรกิจ

Posted: 26 Nov 2014, 10:39
by brid.siriwan
ไทย-ญี่ปุ่นผนึกกำลังพัฒนาธุรกิจ

เอสเอ็มอีไทย–ญี่ปุ่นเดินหน้าสร้างเครือข่าย จับมือผสนามความแข็งแกร่ง ปี 58 ลงนามครบ 10 จังหวัด ดันมูลค่าการค้าระหว่างกันทะลุ 1.5 แสนล้านบาท

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับนายอิสเซอิ นิชิกาว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุกุอิ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีร่วมกันว่า เดือน ม.ค. 58 กระทรวงอุต ฯ และจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น จะลงนามความร่วมมือพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรวม 10 จังหวัด เชื่อว่าจะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ได้ประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และสร้างสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่ายมากขึ้น นำจุดแข็งของทั้ง 2 ประเทศ มาพัฒนาร่วมกัน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และจะทำให้มูลค่าการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 57 คาดว่า จะมีการลงทุนของบริษัทสัญญาติญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงถึง 150,000 ล้านบาท

สำหรับจังหวัดที่ร่วมลงนามนั้นกระทรวงอุตสาหกรรม จะลงนามความร่วมมือพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย อีก 2 จังหวัด คือ จังหวัดฟุกุโอกะ และมินาบิโบโซ ซึ่งจะทำให้กระทรวงอุตฯ และจังหวัญี่ปุ่นรวมกัน 10 จังหวัด เช่น ไซตามะ , ยามานะชิ , อะคิตะ , โทโทริ ,คาวาซากิ, ชิมาเน่ ล่าสุดไอจิ และเดือน ม.ค. 58 จะลงนามความร่วมมือ อีก 2 จังหวัด คือ ฟุกุโอกะ และมินามิโบโซ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือร่วมกับจังหวัดไอจิ ซึ่งมีความโดดเด่นในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น อุตฯ เครื่องนุ่งห่ม , อุตฯเครื่องจักรที่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งทอ , อุตฯ การผลิตกรอบแว่นตา โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการจังหวัดไอจิ มาลงทุนในไทยแล้ว 28 บริษัท มีโรงงานทั้งสิ้น 11 โรงงาน คิดเป็นเงินลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะอุตฯ สิ่งทอ

นายอิสเซอิ นิชิกาว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุกุอิ กล่าวว่า การลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ ญี่ปุ่นต้องการให้ไทย แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน รวมทั้งหาพื้นที่จัดแสดงธุรกิจของญี่ปุ่นในประเทศไทย และหาช่องทางกาสรจัดจำหน่ายสินค้าของญี่ปุ่น โดยขณะนี้ทางผู้ประกอบการฟุกุอิ สนใจอุตสาหกรรมอาหาร ถ้าเป็นไปได้ต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร ส่งออกไปทั่วโลก เนื่องจากไทยมีจุดแข็งเรื่องวัตถุดิบ และมีร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557