คลังออกพันธบัตร 5 หมื่นลบ.ปรับหนี้จำนำข้าว
Posted: 26 Nov 2014, 16:00
คลังออกพันธบัตร 5 หมื่นลบ.ปรับหนี้จำนำข้าว
คลังออกพันธบัตร ธ.ก.ส. 50,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้จากจำนำข้าว โวนักลงทุนตอบรับเป็นอย่างดี
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว วงเงิน 50,000 ล้านบาท ถือเป็นการออกพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี แสดงถึงความเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลและแนวทางการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ทั้งนี้ การออกพันธบัตรของ ธ.ก.ส. วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น พันธบัตร ธ.ก.ส. ปี 56 ครั้งที่ 20 ที่จำหน่ายเป็นครั้งที่ 2 อายุคงเหลือ 3 ปี 10 เดือน วงเงิน 42,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทน 2.75% ต่อปี และพันธบัตร ธ.ก.ส. ปี 58 ครั้งที่ 1 อายุ 7 ปี วงเงิน 8,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทน 3.01% ต่อปี ซึ่งจากการทำการสำรวจ พบว่ามีนักลงทุนแสดงความสนใจลงทุนในพันธบัตรทั้ง 2 รุ่น โดยมีสัดส่วนของนักลงทุนต่างๆ ที่ไม่เป็นสถาบันการเงินรายใหม่โดยเฉพาะจากกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก
“รัฐบาลได้มีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวช่วงที่ผ่านมาอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงการคลังร่วมกับ ธ.ก.ส. สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดแผนการออกพันธบัตรของ ธ.ก.ส. โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยตลอดอายุพันธบัตร และรัฐบาลรับภาระในการชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย ซึ่งวัตถุประสงค์ในการออกพันธบัตรในครั้งนี้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำให้สอดคล้องกับภาระทางการคลังและการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการได้อย่างเหมาะสม”
นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การออกพันธบัตรดังกล่าวถือเป็นการจัดหาเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินสูงที่สุด และได้การตอบรับข้อเสนอที่ดีจากสถาบันการเงินและนักลงทุนต่างๆ โดยเงื่อนไขอัตราผลตอบแทนในการออกพันธบัตรดังกล่าวถือเป็นต้นทุนที่เหมาะสมภายใต้ภาวะตลาดการเงินที่ผันผวนในปัจจุบัน โดยมีสัดส่วนไม่เป็นสถาบันการเงิน ที่ให้ความสนใจซื้อพันธบัตรครั้งนี้เพิ่มมากขึ้นเป็น 27.3% เปรียบเทียบกับสัดส่วนไม่เป็นสถาบันการเงิน ที่ซื้อพันธบัตร ธ.ก.ส. ช่วงที่ผ่านมาซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 8.7-14.2 แสดงให้เห็นถึงการสร้างและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของรัฐวิสาหกิจเพื่อรองรับการระดมเงินต่อไปในอนาคตได้อย่างมีศักยภาพ
ทั้งนี้ การเสนอขายพันธบัตร ธ.ก.ส. ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (สาขากรุงเทพฯ)
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557
คลังออกพันธบัตร ธ.ก.ส. 50,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้จากจำนำข้าว โวนักลงทุนตอบรับเป็นอย่างดี
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว วงเงิน 50,000 ล้านบาท ถือเป็นการออกพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี แสดงถึงความเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลและแนวทางการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ทั้งนี้ การออกพันธบัตรของ ธ.ก.ส. วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น พันธบัตร ธ.ก.ส. ปี 56 ครั้งที่ 20 ที่จำหน่ายเป็นครั้งที่ 2 อายุคงเหลือ 3 ปี 10 เดือน วงเงิน 42,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทน 2.75% ต่อปี และพันธบัตร ธ.ก.ส. ปี 58 ครั้งที่ 1 อายุ 7 ปี วงเงิน 8,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทน 3.01% ต่อปี ซึ่งจากการทำการสำรวจ พบว่ามีนักลงทุนแสดงความสนใจลงทุนในพันธบัตรทั้ง 2 รุ่น โดยมีสัดส่วนของนักลงทุนต่างๆ ที่ไม่เป็นสถาบันการเงินรายใหม่โดยเฉพาะจากกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก
“รัฐบาลได้มีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวช่วงที่ผ่านมาอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงการคลังร่วมกับ ธ.ก.ส. สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดแผนการออกพันธบัตรของ ธ.ก.ส. โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยตลอดอายุพันธบัตร และรัฐบาลรับภาระในการชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย ซึ่งวัตถุประสงค์ในการออกพันธบัตรในครั้งนี้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำให้สอดคล้องกับภาระทางการคลังและการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการได้อย่างเหมาะสม”
นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การออกพันธบัตรดังกล่าวถือเป็นการจัดหาเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินสูงที่สุด และได้การตอบรับข้อเสนอที่ดีจากสถาบันการเงินและนักลงทุนต่างๆ โดยเงื่อนไขอัตราผลตอบแทนในการออกพันธบัตรดังกล่าวถือเป็นต้นทุนที่เหมาะสมภายใต้ภาวะตลาดการเงินที่ผันผวนในปัจจุบัน โดยมีสัดส่วนไม่เป็นสถาบันการเงิน ที่ให้ความสนใจซื้อพันธบัตรครั้งนี้เพิ่มมากขึ้นเป็น 27.3% เปรียบเทียบกับสัดส่วนไม่เป็นสถาบันการเงิน ที่ซื้อพันธบัตร ธ.ก.ส. ช่วงที่ผ่านมาซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 8.7-14.2 แสดงให้เห็นถึงการสร้างและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของรัฐวิสาหกิจเพื่อรองรับการระดมเงินต่อไปในอนาคตได้อย่างมีศักยภาพ
ทั้งนี้ การเสนอขายพันธบัตร ธ.ก.ส. ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (สาขากรุงเทพฯ)
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557