ธุรกิจอสังหาแห่ควบรวมกิจการรับมือเออีซี
Posted: 26 Nov 2014, 18:06
ธุรกิจอสังหาแห่ควบรวมกิจการรับมือเออีซี
นักธุรกิจวงการอสังหาริมทรัพย์เผยปี 57 เป็นปีแห่งการควบรวมกิจการและร่วมทุนกัน เพื่อปรับตัว ยกระดับบริษัทรองรับการเข้าสู่เออีซี ที่จะมีคู่แข่งจากต่างชาติมากขึ้น
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจโดยมีการควบรวมกิจการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 120,000 ล้านบาท โดยเป็นการเข้าซื้อกิจการ (เทคโอเวอร์) 4บริษัท รวมมูลค่า 37,250 ล้านบาท ร่วมทุน 6 บริษัท รวมมูลค่า 82,750 ล้านบาทและมีแนวโน้มว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้า จะมีมากขึ้นกว่านี้อีก โดยเฉพาะการร่วมทุนกับต่างชาติซื้อกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือเทคโอเวอร์ข้ามกิจการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการรายใหญ่อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยง และเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่ง เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้เนื่องจากหลังปี 58 เป็นต้นไป ไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ต้องปรับตัวเองเพื่อยกระดับให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เนื่องจากราคาที่ดินสูงขึ้นและหาได้ยากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ สูงตามไปด้วย ขณะที่การแข่งขันรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะจากรายใหญ่ที่วางเป้าหมายเติบโตมากกว่า 20,000 ล้านบาทขึ้นไปซึ่งวิธีการที่นิยมคือซื้อกิจการและควบรวมกิจการ และแนวทางที่ใช้มากที่สุดคือการซื้อด้วยเงินสด หรือแลกหุ้น ส่วนการร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมานั้นยังเกิดขึ้นน้อย
“บริษัทขนาดใหญ่ที่ควบรวมกิจการ เช่น ซีพีแลนด์ ร่วมกับสยามพิวรรธน์มูลค่าสูงสุดถึง 50,000 ล้านบาท, อนันดา ร่วมกับมิตซุยญี่ปุ่น10,000 ล้านบาท , กลุ่มสิงห์ซื้อกิจการบริษัท รสา 7,800 ล้านบาท ,แสนสิริ ร่วมทุนบีทีเอส 5,300 ล้านบาท ,เอพีร่วมกับมิตซูบิชิ ญี่ปุ่น 3,300 ล้านบาท ,พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟ็คซื้อไทยพร็อพเพอร์ตี้ เป็นต้น”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557
นักธุรกิจวงการอสังหาริมทรัพย์เผยปี 57 เป็นปีแห่งการควบรวมกิจการและร่วมทุนกัน เพื่อปรับตัว ยกระดับบริษัทรองรับการเข้าสู่เออีซี ที่จะมีคู่แข่งจากต่างชาติมากขึ้น
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟ็ค จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจโดยมีการควบรวมกิจการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 120,000 ล้านบาท โดยเป็นการเข้าซื้อกิจการ (เทคโอเวอร์) 4บริษัท รวมมูลค่า 37,250 ล้านบาท ร่วมทุน 6 บริษัท รวมมูลค่า 82,750 ล้านบาทและมีแนวโน้มว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้า จะมีมากขึ้นกว่านี้อีก โดยเฉพาะการร่วมทุนกับต่างชาติซื้อกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือเทคโอเวอร์ข้ามกิจการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการรายใหญ่อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยง และเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่ง เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้เนื่องจากหลังปี 58 เป็นต้นไป ไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ต้องปรับตัวเองเพื่อยกระดับให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เนื่องจากราคาที่ดินสูงขึ้นและหาได้ยากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ สูงตามไปด้วย ขณะที่การแข่งขันรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะจากรายใหญ่ที่วางเป้าหมายเติบโตมากกว่า 20,000 ล้านบาทขึ้นไปซึ่งวิธีการที่นิยมคือซื้อกิจการและควบรวมกิจการ และแนวทางที่ใช้มากที่สุดคือการซื้อด้วยเงินสด หรือแลกหุ้น ส่วนการร่วมกันตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมานั้นยังเกิดขึ้นน้อย
“บริษัทขนาดใหญ่ที่ควบรวมกิจการ เช่น ซีพีแลนด์ ร่วมกับสยามพิวรรธน์มูลค่าสูงสุดถึง 50,000 ล้านบาท, อนันดา ร่วมกับมิตซุยญี่ปุ่น10,000 ล้านบาท , กลุ่มสิงห์ซื้อกิจการบริษัท รสา 7,800 ล้านบาท ,แสนสิริ ร่วมทุนบีทีเอส 5,300 ล้านบาท ,เอพีร่วมกับมิตซูบิชิ ญี่ปุ่น 3,300 ล้านบาท ,พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟ็คซื้อไทยพร็อพเพอร์ตี้ เป็นต้น”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557