'Uber'พลิ้วอ้างแค่ผู้ให้บริการระบบ
Posted: 29 Nov 2014, 10:51
'Uber'พลิ้วอ้างแค่ผู้ให้บริการระบบ
อธิบดีกรมการขนส่งทางบกฟันธงแล้ว Uber Taxi ผิดกฎหมาย ชี้ผิดพ.ร.บ.รถยนต์ 2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ราชการกำหนด และผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ โทษปรับรวมสูงสุด 4,000 บาท ด้าน "อูเบอร์" แบะท่าพร้อมหารือหน่วยราชการไทย อ้างเป็นแค่ผู้ให้บริการระบบ เปรียบเหมือนการจองโรงแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยว
กรณี Uber taxi เปิดให้บริการรถรับ-ส่ง คล้ายบริการรถแท็กซี่ในบ้านเรา เพียงแต่การเรียกใช้บริการจะต้องผ่านช่องทางแอ็พพลิเคชั่นต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือและเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการได้เพียงไม่นาน กลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ให้บริการแท็กซี่ในรูปแบบเก่า กลายเป็นปมปัญหาที่หลายฝ่ายตั้งคำถาม ตั้งแต่ประเด็นผิดกฎหมายหรือไม่นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ย. กรมการขนส่งทางบกได้เผยแพร่ จดหมายข่าวกรมการขนส่งทางบกผ่านเว็บไซต์ www.dlt.go.th เรื่อง “กรมการขนส่งทางบก ระบุ Uber Taxi ผิดกฎหมาย!!! เริ่มออกตรวจจับจริงจัง เตือนประชาชนอย่าใช้บริการ เพราะอาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นรถที่ไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลรถโดยสารสาธารณะ” โดยมีเนื้อหาดังนี้
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่ามีผู้ให้บริการรถรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ผ่าน Application ด้วยรถยนต์บริการ (ป้ายเขียว) และรถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดา) โดยอัตราค่าโดยสารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ล่าสุด กรมการขนส่งทางบกได้เชิญประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และมณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาก่อนจะสร้างความเดือดร้อนเป็นวงกว้างในอนาคต เช่น ปัญหาเรื่องการใช้บัตรเครดิต ปัญหาความไม่ปลอดภัยจากการใช้บริการ โดยในเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า การให้บริการรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ผ่าน Application ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์บริการดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภทจากที่จดทะเบียนไว้ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกาหนด ผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่สาธารณะ และไม่เข้าสู่ระบบทะเบียนของศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ นอกจากนี้ การชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตอาจส่งผลต่อความปลอดภัยด้านธุรกรรมของผู้ใช้บริการในอนาคต
นายธีระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการประชุมหารือร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว มีการตกลงร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยมณฑลทหารบกที่ 11 และกรมการขนส่งทางบก ได้บูรณาการในการตรวจสอบการให้บริการที่ผิดกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หากตรวจพบกรมการขนส่งทางบกจะเปรียบเทียบปรับสูงสุดทุกราย ได้แก่ ความผิดฐานใช้รถผิดประเภท โทษปรับสูงสุด 2,000 บาท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนด โทษปรับสูงสุด 1,000 บาท และไม่มีใบขับขี่รถสาธารณะปรับสูงสุด 1,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ และอย่าหลงเชื่อการสร้างแรงจูงใจด้วยเหตุผลต่างๆ เนื่องจากหากคำนวณค่าโดยสารแล้วจะพบว่า มีการแฝงค่าใช้จ่ายต่อระยะทางและเวลา รวมทั้งมีการประกันค่าโดยสารขั้นต่ำ ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ในปัจจุบันแล้วพบว่า Uber Taxi จะมีราคาที่สูงกว่า และข้อสำคัญผู้โดยสารอาจไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากรถดังกล่าวไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลในการตรวจสอบรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งต้องใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตซึ่งอาจมีมาตรฐานความปลอดภัยไม่เพียงพอ ประชาชนที่สงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้าน มร.ไมค์ บราวน์ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ (Mr. Mike Brown, Regional General Manager, Southeast Asia, Uber Technologies) เปิดเผยกับทีมข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ที่ผ่านมาเราให้บริการใน 46 ประเทศทั่วโลก เราทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือมุ่งเน้นด้านความปลอดภัย สร้างความน่าเชื่อถือในการใช้บริการ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทาง "อูเบอร์" พร้อมจะเดินทางเข้าหารือกับหน่วยงานราชการของไทยในเร็วๆ นี้ และพร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับของไทยอย่างทุกประการ ที่สำคัญบริษัทพันธมิตรของเรา ล้วนเป็นบริษัทขนส่งที่ได้รับอนุญาตแล้วทั้งสิ้น
“ขอทำความเข้าใจว่า "อูเบอร์" เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อเชื่อมโยงผู้คนที่ต้องการใช้บริการนั่งรถ พร้อมคนขับรถส่วนตัว เราเป็นเพียงผู้ให้บริการระบบ ซึ่งก็เปรียบเสมือนการให้บริการของเว็บไซต์จองสถานที่ท่องเที่ยวหรือโรงแรม อย่างเว็บไซต์ “เอ็กซ์พีเดียและอะโกด้า” เราช่วยอำนวยความสะดวกและขจัดปัญหาที่ยุ่งยากในการทำธุรกรรมและสร้างประสบการณ์การบริการที่ดี "อูเบอร์" มีเจตนานำเสนอบริการใหม่เพื่อช่วยแก้ปัญหาตลาดคมนาคมขนส่งที่มีความซบเซา ขาดการพัฒนาทางด้านการเรียกใช้บริการ ปัญหาการคำนวนค่าโดยสาร การรอรถเป็นเวลานาน ความปลอดภัยในการโดยสาร ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง เราเลือกเข้ามาเปิดโอกาสในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกำลังการเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก เศรษฐกิจดิจิทัลได้เกิดและเริ่มพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ และมีบทบาทต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลจะกลายเป็นกระดูกสันหลังในโลกสมัยใหม่ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเป็นสิ่งที่ทำได้ ภายใต้การกำกับดูแลให้ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างประสิทธิภาพในระบบเศรษฐกิจ”มร.ไมค์ กล่าว
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2557
อธิบดีกรมการขนส่งทางบกฟันธงแล้ว Uber Taxi ผิดกฎหมาย ชี้ผิดพ.ร.บ.รถยนต์ 2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ราชการกำหนด และผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่สาธารณะ โทษปรับรวมสูงสุด 4,000 บาท ด้าน "อูเบอร์" แบะท่าพร้อมหารือหน่วยราชการไทย อ้างเป็นแค่ผู้ให้บริการระบบ เปรียบเหมือนการจองโรงแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยว
กรณี Uber taxi เปิดให้บริการรถรับ-ส่ง คล้ายบริการรถแท็กซี่ในบ้านเรา เพียงแต่การเรียกใช้บริการจะต้องผ่านช่องทางแอ็พพลิเคชั่นต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือและเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการได้เพียงไม่นาน กลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ให้บริการแท็กซี่ในรูปแบบเก่า กลายเป็นปมปัญหาที่หลายฝ่ายตั้งคำถาม ตั้งแต่ประเด็นผิดกฎหมายหรือไม่นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ย. กรมการขนส่งทางบกได้เผยแพร่ จดหมายข่าวกรมการขนส่งทางบกผ่านเว็บไซต์ www.dlt.go.th เรื่อง “กรมการขนส่งทางบก ระบุ Uber Taxi ผิดกฎหมาย!!! เริ่มออกตรวจจับจริงจัง เตือนประชาชนอย่าใช้บริการ เพราะอาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นรถที่ไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลรถโดยสารสาธารณะ” โดยมีเนื้อหาดังนี้
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่ามีผู้ให้บริการรถรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ผ่าน Application ด้วยรถยนต์บริการ (ป้ายเขียว) และรถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดา) โดยอัตราค่าโดยสารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ล่าสุด กรมการขนส่งทางบกได้เชิญประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และมณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาก่อนจะสร้างความเดือดร้อนเป็นวงกว้างในอนาคต เช่น ปัญหาเรื่องการใช้บัตรเครดิต ปัญหาความไม่ปลอดภัยจากการใช้บริการ โดยในเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า การให้บริการรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ผ่าน Application ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์บริการดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภทจากที่จดทะเบียนไว้ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกาหนด ผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่สาธารณะ และไม่เข้าสู่ระบบทะเบียนของศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ นอกจากนี้ การชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตอาจส่งผลต่อความปลอดภัยด้านธุรกรรมของผู้ใช้บริการในอนาคต
นายธีระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการประชุมหารือร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว มีการตกลงร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยมณฑลทหารบกที่ 11 และกรมการขนส่งทางบก ได้บูรณาการในการตรวจสอบการให้บริการที่ผิดกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หากตรวจพบกรมการขนส่งทางบกจะเปรียบเทียบปรับสูงสุดทุกราย ได้แก่ ความผิดฐานใช้รถผิดประเภท โทษปรับสูงสุด 2,000 บาท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนด โทษปรับสูงสุด 1,000 บาท และไม่มีใบขับขี่รถสาธารณะปรับสูงสุด 1,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ และอย่าหลงเชื่อการสร้างแรงจูงใจด้วยเหตุผลต่างๆ เนื่องจากหากคำนวณค่าโดยสารแล้วจะพบว่า มีการแฝงค่าใช้จ่ายต่อระยะทางและเวลา รวมทั้งมีการประกันค่าโดยสารขั้นต่ำ ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ในปัจจุบันแล้วพบว่า Uber Taxi จะมีราคาที่สูงกว่า และข้อสำคัญผู้โดยสารอาจไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากรถดังกล่าวไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลในการตรวจสอบรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งต้องใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตซึ่งอาจมีมาตรฐานความปลอดภัยไม่เพียงพอ ประชาชนที่สงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้าน มร.ไมค์ บราวน์ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ (Mr. Mike Brown, Regional General Manager, Southeast Asia, Uber Technologies) เปิดเผยกับทีมข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ที่ผ่านมาเราให้บริการใน 46 ประเทศทั่วโลก เราทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือมุ่งเน้นด้านความปลอดภัย สร้างความน่าเชื่อถือในการใช้บริการ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทาง "อูเบอร์" พร้อมจะเดินทางเข้าหารือกับหน่วยงานราชการของไทยในเร็วๆ นี้ และพร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับของไทยอย่างทุกประการ ที่สำคัญบริษัทพันธมิตรของเรา ล้วนเป็นบริษัทขนส่งที่ได้รับอนุญาตแล้วทั้งสิ้น
“ขอทำความเข้าใจว่า "อูเบอร์" เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อเชื่อมโยงผู้คนที่ต้องการใช้บริการนั่งรถ พร้อมคนขับรถส่วนตัว เราเป็นเพียงผู้ให้บริการระบบ ซึ่งก็เปรียบเสมือนการให้บริการของเว็บไซต์จองสถานที่ท่องเที่ยวหรือโรงแรม อย่างเว็บไซต์ “เอ็กซ์พีเดียและอะโกด้า” เราช่วยอำนวยความสะดวกและขจัดปัญหาที่ยุ่งยากในการทำธุรกรรมและสร้างประสบการณ์การบริการที่ดี "อูเบอร์" มีเจตนานำเสนอบริการใหม่เพื่อช่วยแก้ปัญหาตลาดคมนาคมขนส่งที่มีความซบเซา ขาดการพัฒนาทางด้านการเรียกใช้บริการ ปัญหาการคำนวนค่าโดยสาร การรอรถเป็นเวลานาน ความปลอดภัยในการโดยสาร ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง เราเลือกเข้ามาเปิดโอกาสในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกำลังการเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก เศรษฐกิจดิจิทัลได้เกิดและเริ่มพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ และมีบทบาทต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลจะกลายเป็นกระดูกสันหลังในโลกสมัยใหม่ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเป็นสิ่งที่ทำได้ ภายใต้การกำกับดูแลให้ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างประสิทธิภาพในระบบเศรษฐกิจ”มร.ไมค์ กล่าว
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2557