Page 1 of 1

มช.เจ๋งพบสาหร่ายชนิดใหม่ของโลก

Posted: 29 Nov 2014, 16:19
by brid.siriwan
มช.เจ๋งพบสาหร่ายชนิดใหม่ของโลก

คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เจ๋ง พบสาหร่ายชนิดใหม่ของโลก 5 ชนิด คาดนำมาใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต ทั้งทางด้านพลังงาน ยา เครื่องสำอาง และอาหารเสริม

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ที่ห้องปฏิบัติการวิจัยสาหร่ายประยุกต์ สาขาวิชาจุลชีววิทยา ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ค้นพบสาหร่ายยูกลีนอยด์ชนิดใหม่ของโลก 5 ชนิด จากงานวิจัยในระดับปริญญาเอกของ ดร.กฤษณา ดวงจันทร์ จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย ดร.กฤษณา เปิดเผยว่า งานวิจัยและการค้นพบสาหร่ายชนิดใหม่ของโลกนั้น เป็นสาหร่ายยูกลีนอยด์ ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลล์เดียว หรือมีหนวด 1 เส้น ที่ใช้ในการเคลื่อนที่ บางชนิดมีเกราะที่เรียกว่า Lorica หุ้มอยู่ โดยทั่วไปพบในน้ำเสีย หรือค่อนข้างเสีย เมื่อเจริญมากๆจะเห็นผิวน้ำเป็นสีเขียวอ่อน บางครั้งเห็นเป็นสีส้ม หรือน้ำตาล ขึ้นอยู่กับชนิดที่เจริญเติบโตแต่ปกติจะใช้เป็นดัชนีทางชีวภาพบ่งบอกคุณภาพน้ำไม่ดีในแต่ละระดับ แต่ได้คิดว่าสาหร่ายดังกล่าวน่าจะทำอย่างอื่นได้อีกจึงได้เริ่มการวิจัยเพื่อค้นหาเพิ่มเติม

ดร.กฤษณา กล่าวต่อไปว่า จากงานวิจัยในครั้งนี้จึงได้ออกไปเก็บตัวอย่างน้ำในแหล่งน้ำที่มีคุณภาพไม่ดีในเขตภาคเหนือตอนบน จำนวน 31 แหล่ง ก็พบสาหร่ายยูกลีนอยด์ จำนวน 402 ชนิด และพบว่าเป็นชนิดใหม่ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน 5 ชนิด คือ Strombomonas starmachii Duangjan & Wolowski , Strombomonaschiangmaiensis Duangjan,Trachelomonas peerapornpisalii Duangjan & Wolowski,Trachelomonasthailandicus Duangjan & Wolowski และTrachelomonas reticulato-spiniferaDuangjan ซึ่งหลังจากการค้นพบแล้ว ก็ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ ชื่อ Polish Botanical Journal ด้วยเพราะถือเป็นการค้นพบครั้งแรกของโลก นอกจากนี้สาหร่ายยูกลีนอยด์ยังเป็นสาหร่ายที่น่าสนใจในแง่ของการนำมาใช้ประโยชน์ในอนาคต โดยมีรายงานว่า สาหร่ายหลายชนิดในกลุ่มนี้สร้างไขมันค่อนข้างมาก มีวิตามินบี 12 มีรงควัตถุที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด ห้องปฏิบัติการวิจัยสาหร่ายประยุกต์จึงได้ทำการแยกและเพาะเลี้ยงสาหร่ายกลุ่มดังกล่าวจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อนำไปวิจัยถึงสารสำคัญต่างๆ ซึ่งอาจนำมาใช้ประโยชน์ได้ในอนาคตทั้งทางด้านพลังงาน ยา เครื่องสำอาง และอาหารเสริมต่างๆต่อไป.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2557