?‘กาเกา ทอล์ก’ บุกตลาดแอพแชต หวังกวาดผู้ใช้ 10 ล้านคนในปีหน้

[brid.ladawan]

?‘กาเกา ทอล์ก’ บุกตลาดแอพแชต หวังกวาดผู้ใช้ 10 ล้านคนในปีหน้า?
กาเกา ทอล์ก ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำแอพแชตในอนาคต ชูฟีเจอร์แตกต่างจากแอพแชตอื่น ๆ ทั้งสติกเกอร์ดุ๊กดิ๊ก มีเสียงพูดได้ แชตกลุ่มกว่า 1,000 คน


เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย กาเกา ทอล์ก ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำแอพแชตในอนาคต ชูฟีเจอร์แตกต่างจากแอพแชตอื่น ๆ ทั้งสติกเกอร์ดุ๊กดิ๊ก มีเสียงพูดได้ แชตกลุ่มกว่า 1,000 คน เร่งหาพันธมิตรขยายธุรกิจในไทย ตั้งเป้าหมายมีผู้ใช้งาน 10 ล้านคนในไทย จากปัจจุบัน 3.5 ล้านคน หลังทดลองตลาดเพียง 2 เดือน

นายจอห์น ปาร์ค หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลยุทธ์ตลาดโกลบอล บริษัท ดาวม์ กาเกา จำกัด ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น กาเกา ทอล์ก เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นกาเกา ทอล์ก ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากได้ทดลองทำตลาดเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ใช้งานในไทยแล้ว 3.5 ล้านคน โดยใช้กลยุทธ์ที่มีแนวคิดว่า “แชตคัน ๆ มันต้องเกา” จับกลุ่มเป้าหมายอายุ 15-24 ปี โดยจะชูฟีเจอร์เด่น คือ สติกเกอร์ ดุ๊กดิ๊ก มีเสียงครั้งแรกในไทย และสามารถแชตเป็น กลุ่มได้ถึง 999 คน และยังสามารถโทรฯคุยกันได้เป็น กลุ่มสูงสุดถึง 5 คน และเลือกใส่เสียงตลก ๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีคอมมูนิตี้ กาเกา พลัส เฟรนซ์ที่เป็นช่องทางติดตามข่าวและความเคลื่อนไหวของศิลปินเกาหลีและไทย โดยตั้งเป้าหมายจะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดแอพแชตของไทยในอนาคต และในปี 58 ตั้งเป้าหมายจะมีจำนวนผู้ใช้งาน 10 ล้านรายในไทย

“แอพพลิเคชั่นกาเกา ทอล์ก ถือเป็นแอพแชตอันดับ 1 ในเกาหลี เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2553 เป็นแอพพลิเคชั่นที่มีแพลตฟอร์มเชื่อมต่อโซเชียล เต็มรูปแบบทั้งคอนเทนต์เกม เพลง โมบายคอมเมิร์ซโฆษณา โดยผู้ใช้สมาร์ทโฟน กว่า 93% ในเกาหลีใช้แอพนี้ในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกาเกา ทอล์ก จำนวน 167 ล้านคน ใน 196 ประเทศทั่วโลก ในแต่ละวันมีการส่งข้อความ รูป วิดีโอ และเสียง มากถึง 7,000 ล้านครั้ง โดยไทยถือเป็นการเปิดตัวประเทศที่ 4 ในอาเซียน ต่อจาก มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์”

นายจอห์น กล่าวต่อว่า สำหรับการเข้ามาทำตลาดในไทยตอนนี้ไม่ถือว่าช้าเกินไป เพราะไทยเป็นตลาดที่ใหญ่มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคนส่วนใหญ่ชอบใช้แอพพลิเคชั่นแชต ซึ่งบริษัทจะเปิดรับพันธมิตรในไทยทุกรายเพื่อพัฒนาคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เป็นภาษาไทย เพื่อนำเสนอให้กับผู้ใช้งานคนไทย โดยขณะนี้เริ่มมีพันธมิตรเกี่ยวกับเกมแล้ว สำหรับรูปแบบรายได้จะมาจากเกม โฆษณา และสติกเกอร์ ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็มีแผนจะมาตั้งสำนักงานในไทยด้วย.

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 16 ธันวาคม 2557