เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์
Posted: 16 Dec 2014, 14:32
?เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์?
?เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์??เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์??เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์?
รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมายกับบุตรสาวของประธานสายการบินโคเรียนแอร์ หลังเธอเป็นต้นเหตุให้เที่ยวบินขากลับจากนครนิวยอร์กล่าช้า เพราะไม่พอใจเรื่อง "ถั่ว" และทำให้หัวหน้าพนักงานต้อนรับต้องลงจากเครื่อง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ว่ากระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์เรื่องการยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อสำนักงานอัยการ เพื่อขอให้มีการพิจารณาดำเนิคดดีทางกฎหมายกับน.ส.โช ฮยอน-อา อดีตรองประธานด้านการบินของโคเรียนแอร์ สายการบินแห่งชาติของเกาหลีใต้ กรณีเหตุการณ์บนเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเคในนครนิวยอร์ก สู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ชานกรุงโซลเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว หลังสอบสวนพบว่าเธอมีความผิดจริงฐานเจตนาก่อกวนการบิน และประทุษร้ายลูกเรือด้วยวาจา
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวของกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ ไม่มีส่วนใดระบุว่า น.ส.โชมีเจตนาขัดขวางการทำงานของนักบินและลูกเรือ ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายอากาศยาน ตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์กันก่อนหน้านี้ โดยมติของคณะกรรมการระบุว่า ความล่าช้าของเที่ยวบินเป็นความผิดพลาดของนักบิน และพนักงานต้อนรับอาวุโสซึ่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เข้าข่ายละเมิดมาตรา 115 ของกฎหมายอากาศยาน
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติเห็นชอบให้มีการลงโทษโคเรียนแอร์ด้วย โดยอาจเป็นการสั่งปรับเงินหรือระงับให้บริการชั่วคราว ซึ่งรัฐบาลจะประกาศรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
กรณีอื้อฉาวบนเที่ยวบินเคอี 086 ของโคเรียนแอร์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. โดยน.ส.โช วัย 40 ปี บุตรสาวคนโตของนายโช ยาง-โฮ ประธานโคเรียนแอร์ ซึ่งเป็นผู้โดยสารชั้นหนึ่งบนเที่ยวบินนั้น แสดงความไม่พอใจอย่างหนัก หลังพนักงานต้อนรับเสิร์ฟถั่วแมคคาเดเมียให้เธอทั้งซอง น.ส.โชจึงสั่งให้หัวหน้าพนักงานต้อนรับลงจากเครื่อง ทำให้เที่ยวบินล่าช้าหลายสิบนาที หลังเกิดเหตุบิดาของเธอออกมาขอโทษทุกฝ่ายและสั่งปลดบุตรสาวออกจากตำแหน่งทางธุรกิจทั้งหมด ขณะที่น.ส.โชออกมาขอโทษเช่นกัน แต่ยังไม่มีโอกาสพบกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับเป็นการส่วนตัว หลังเดินทางไปพบเมื่อวันอาทิตย์แต่อีกฝ่ายไม่อยู่บ้าน
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 16 ธันวาคม 2557
?เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์??เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์??เกาหลีใต้เตรียมเอาผิดลูกสาวประธานโคเรียนแอร์?
รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมายกับบุตรสาวของประธานสายการบินโคเรียนแอร์ หลังเธอเป็นต้นเหตุให้เที่ยวบินขากลับจากนครนิวยอร์กล่าช้า เพราะไม่พอใจเรื่อง "ถั่ว" และทำให้หัวหน้าพนักงานต้อนรับต้องลงจากเครื่อง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ว่ากระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์เรื่องการยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อสำนักงานอัยการ เพื่อขอให้มีการพิจารณาดำเนิคดดีทางกฎหมายกับน.ส.โช ฮยอน-อา อดีตรองประธานด้านการบินของโคเรียนแอร์ สายการบินแห่งชาติของเกาหลีใต้ กรณีเหตุการณ์บนเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเคในนครนิวยอร์ก สู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ชานกรุงโซลเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว หลังสอบสวนพบว่าเธอมีความผิดจริงฐานเจตนาก่อกวนการบิน และประทุษร้ายลูกเรือด้วยวาจา
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวของกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ ไม่มีส่วนใดระบุว่า น.ส.โชมีเจตนาขัดขวางการทำงานของนักบินและลูกเรือ ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายอากาศยาน ตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์กันก่อนหน้านี้ โดยมติของคณะกรรมการระบุว่า ความล่าช้าของเที่ยวบินเป็นความผิดพลาดของนักบิน และพนักงานต้อนรับอาวุโสซึ่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เข้าข่ายละเมิดมาตรา 115 ของกฎหมายอากาศยาน
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติเห็นชอบให้มีการลงโทษโคเรียนแอร์ด้วย โดยอาจเป็นการสั่งปรับเงินหรือระงับให้บริการชั่วคราว ซึ่งรัฐบาลจะประกาศรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
กรณีอื้อฉาวบนเที่ยวบินเคอี 086 ของโคเรียนแอร์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. โดยน.ส.โช วัย 40 ปี บุตรสาวคนโตของนายโช ยาง-โฮ ประธานโคเรียนแอร์ ซึ่งเป็นผู้โดยสารชั้นหนึ่งบนเที่ยวบินนั้น แสดงความไม่พอใจอย่างหนัก หลังพนักงานต้อนรับเสิร์ฟถั่วแมคคาเดเมียให้เธอทั้งซอง น.ส.โชจึงสั่งให้หัวหน้าพนักงานต้อนรับลงจากเครื่อง ทำให้เที่ยวบินล่าช้าหลายสิบนาที หลังเกิดเหตุบิดาของเธอออกมาขอโทษทุกฝ่ายและสั่งปลดบุตรสาวออกจากตำแหน่งทางธุรกิจทั้งหมด ขณะที่น.ส.โชออกมาขอโทษเช่นกัน แต่ยังไม่มีโอกาสพบกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับเป็นการส่วนตัว หลังเดินทางไปพบเมื่อวันอาทิตย์แต่อีกฝ่ายไม่อยู่บ้าน
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 16 ธันวาคม 2557