Page 1 of 1

หอการค้าเตือนสมาชิกรับมือน้ำมันลด-หุ้นตก

Posted: 16 Dec 2014, 17:34
by brid.ladawan
?หอการค้าเตือนสมาชิกรับมือน้ำมันลด-หุ้นตก?
ห่วงกำลังซื้อระดับบนหด ทำท่องเที่ยวและส่งออกรายได้ซบ แนะหันตลาดส่งออกอาเซียนแทน ระบุน้ำมันลดทำประชาชนและภาคธุรกิจประหยัดเงิน 1.4 แสนล้านปี 58

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะ นี้หอการค้าไทยฯได้แนะนำสมาชิกหอการค้า และธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วประเทศ เร่งจัดทำแผนรับมือ และการสร้างโอกาส ในช่วงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลงอย่างมาก หรือ60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงผลพวงจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง เนื่องจากมีหลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบและบางรายได้รับอานิสงส์อย่างมาก เพราะหากไม่มีแผนรับมือ ก็ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้

สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักเช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวและร้านอาหาร และการส่งออกสินค้าไปยังตลาดบางประเทศ เนื่องจากผู้บริโภคหลายประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้จากตลาดหุ้นและ น้ำมันจะมีกำลังซื้อลดน้อยลงจากการขาดทุนของมูลค่าหุ้นและน้ำมัน

ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มผู้ส่งออกไปยังประเทศตะวันออกลาง ลาตินอเมริกา และ กลุ่มประเทศซีไอเอส เช่น อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กิสถาน มอลโดวา รัสเซีย เติร์กเมนิสถาน ยูเครน อุซเบกิส-ถาน และ ทาจิกิสถาน เป็นต้น ก็มีแผนสำรองในการหาตลาดใหม่ โดยเน้นกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นหลัก เพราะประเทศเพื่อนบ้านไทยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าดีหรือเฉลี่ยที่ 6%

ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผลิตสินค้าขายในประเทศ เนื่องจากต้นทุนในการผลิตสินค้า และการขนส่งสินค้าปรับลดลงอย่างมาก ตรงนี้จะเป็นการสร้างโอกาสของธุรกิจได้ เพราะนอกจากสินค้าจะมีต้นทุนต่ำแล้ว ในปีหน้าหากราคาขายปลีกน้ำมันยังทรงตัว ระดับปัจจุบัน จะทำให้ผู้ที่ใช้น้ำมันทั้งภาคธุรกิจและประชาชนประหยัดรายจ่ายได้ 146,500 ล้านบาทต่อปีจากกรณีที่ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ลดลงจากเดือน พ.ค. 57 ลิตรละ 11 บาท และ ดีเซลลดลง 3 บาทต่อลิตร ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคได้ในระดับหนึ่ง

“ตลาดหุ้นหุ้นที่ลดลงอย่างหนักนั้น คงต้องตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นโดย เฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. 57 ซึ่งยอมรับว่าคนกลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อที่สูง แต่เมื่อมูลค่าหุ้นหายไปจำนวนมาก ก็จะส่งผลต่อกำลังซื้อ แต่ในส่วนของราคาน้ำมันนั้น ผลเสียคือการส่งออกไปในตลาดผู้ผลิตน้ำมันรวมถึง นักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก็ต้องระมัดระวังในการใช้จ่ายเช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องของน้ำมันลดลงในภาพรวมจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและธุรกิจ มากกว่า”

นายอิสระ กล่าวว่า สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของไทยปี 58 คาดว่าจะขยายตัวในระดับ 4.5% การส่งออกขยายตัว 4-5% เนื่องจากสมาชิกหอการค้าไทย เชื่อว่าการลงทุนของภาครัฐบาลจะมีเม็ดเงินลงทุนในพื้นที่ต่างๆ จำนวนมาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวน่าจะมีแนวโน้มของการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นรวมทั้ง สถานการณ์ การบริโภคของ ภาคเอกชน ที่มีโอกาสขยายตัวจากการฟื้นตัวขึ้นของภาวะเศรษฐกิจ

ด้านนายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า มหาลัยได้ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 58 อยู่ที่ 3.5-3.8% โดยมีงินเฟ้อ 2.2-2.4% การส่งออกขยายตัว 3-3.6%, อัตราการว่างงาน 0.7-0.8% ของแรงงาน และ นักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัว 17.8-25.7%

“เศรษฐกิจโลกปี 58 น่าจะขยายตัวอยู่ระหว่าง 3.4% - 3.8% แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวมของเอเชีย อาจสูงถึง 5.5% - 6.0% ดังนั้นการกระตุ้นการส่งออก จึงควรให้น้ำหนักกับการทำตลาดในเอเชีย และอาเซียนให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่พบว่าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างมาก เช่น เมียนมาร์ขยายตัว 8.5%, กัมพูชา ขยายตัว 7.3%, ลาว ขยายตัว7.2%, ฟิลิปปินส์ ขยายตัว 6.3%, เวียดนามขยายตัว 5.6%, อินโดนีเซียขยายตัว 5.5%, มาเลเซียขยายตัว 5.2% เป็นต้น”

นายเกียรติอนันต์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯได้สำรวจปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจเอสเอ็มอีในปี 58 ประกอบด้วย การรักษาสภาพคล่องทั้งด้านการเข้าถึงแหล่งทุน, การเติบโตของรายได้, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน, อาจถูกคู่แข่งแย่งฐานลูกค้าเดิม, การเสียตลาดให้คู่แข่งในประเทศและการเสียตลาดคู่แข่งจากต่างประเทศ รวมถึงการสูญเสียบุคลากรและขาดแคลนแรงงาน เป็นต้น


ที่มา เดลินิวส์
วันที่16 ธันวาคม 2557