ไฟเขียวตั้งกองทุนร่วมทุนให้เอสเอ็มอี
Posted: 16 Dec 2014, 18:14
?ไฟเขียวตั้งกองทุนร่วมทุนให้เอสเอ็มอี?
ครม.อนุมัติตามคลังเสนอ หวังช่วยเสริมศักยภาพผู้ประกอบการมีสภาพคล่อง เล็งตั้งคณะกรรมการพิจารณา ดีเดย์ดำเนินการ ก.พ. 58
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนร่วมทุนในกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หรือเอสเอ็มอี ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ ฟันด์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีสภาพคล่องมากขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐมีนโยบายในการปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอี แต่มาตรการนี้จะให้การสนับสนุนในลักษณะการเข้าไปร่วมทุนกับเอสเอ็มอี ซึ่งขั้นตอนต่อไป จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาการลงทุน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้อย่างเป็นทางการในเดือนก.พ.58
ด้าน ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุณสมบัติของเอสเอ็มอีที่จะเข้าร่วมโครงการกรจัดตั้งกองทุนฯดังกล่าวคือ 1.เอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นเป็นธุรกิจขนาดกลางและมีความสามารถที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 2.เอสเอ็มอีที่มีการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และ3.กลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลางที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีประโยชน์ต่อประเทศ
สำหรับรายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย และวงเงินลงทุนของเอสเอ็มอีแต่ละราย แบ่งเป็นเอสเอ็มอีในระยะเริ่มต้น เงินร่วมลงทุนแรกเริ่มไม่ควรเกิน 5 ล้านบาทต่อรายหรือมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 25%แต่ไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียน, เอสเอ็มอีขนาดเล็กและกลาง เงินร่วมลงทุนแรกไม่ควรเกิน 30 ล้านบาทต่อรายหรือมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 25% แต่ไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม การกำหนดการนำเงินในกองทุนไปลงทุนเป็นอำนาจของคณะกรรมการจำนวน 2 ชุดที่จะตั้งขึ้นได้แก่ คณะกรรมการการลงทุนของกองทรัสต์ และคณะกรรมการผู้ให้คำปรึกษาวิสาหกิจร่วมทุน สำหรับแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมหรือประเภทกิจการที่เกี่ยวข้อง โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯประกอบไปด้วยตัวแทนจากภาครัฐ (ไม่คุมเสียงขาด) ตัวแทนจากผู้ร่วมลงทุน ตัวแทนจากหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดและเข้าใจในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี เช่นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้นโดยผลประโยชน์ที่ผู้ร่วมลงทุนจะได้รับได้แก่เงินปันผลจากกองทุน ส่วนต่างกำไรที่เอสเอ็มอีบางรายในกองทุนได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ กำไรส่วนเกินจากการที่เจ้าของเดิมของเอสเอ็มอีเดิมซื้อหุ้นคืน และมูลค่าเพิ่มขึ้นของกองทุนเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์
ที่มา เดลินิวส์
วันที่16 ธันวาคม 2557
ครม.อนุมัติตามคลังเสนอ หวังช่วยเสริมศักยภาพผู้ประกอบการมีสภาพคล่อง เล็งตั้งคณะกรรมการพิจารณา ดีเดย์ดำเนินการ ก.พ. 58
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนร่วมทุนในกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หรือเอสเอ็มอี ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ ฟันด์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีสภาพคล่องมากขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐมีนโยบายในการปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอี แต่มาตรการนี้จะให้การสนับสนุนในลักษณะการเข้าไปร่วมทุนกับเอสเอ็มอี ซึ่งขั้นตอนต่อไป จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาการลงทุน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้อย่างเป็นทางการในเดือนก.พ.58
ด้าน ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุณสมบัติของเอสเอ็มอีที่จะเข้าร่วมโครงการกรจัดตั้งกองทุนฯดังกล่าวคือ 1.เอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นเป็นธุรกิจขนาดกลางและมีความสามารถที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 2.เอสเอ็มอีที่มีการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และ3.กลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลางที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีประโยชน์ต่อประเทศ
สำหรับรายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย และวงเงินลงทุนของเอสเอ็มอีแต่ละราย แบ่งเป็นเอสเอ็มอีในระยะเริ่มต้น เงินร่วมลงทุนแรกเริ่มไม่ควรเกิน 5 ล้านบาทต่อรายหรือมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 25%แต่ไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียน, เอสเอ็มอีขนาดเล็กและกลาง เงินร่วมลงทุนแรกไม่ควรเกิน 30 ล้านบาทต่อรายหรือมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 25% แต่ไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม การกำหนดการนำเงินในกองทุนไปลงทุนเป็นอำนาจของคณะกรรมการจำนวน 2 ชุดที่จะตั้งขึ้นได้แก่ คณะกรรมการการลงทุนของกองทรัสต์ และคณะกรรมการผู้ให้คำปรึกษาวิสาหกิจร่วมทุน สำหรับแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมหรือประเภทกิจการที่เกี่ยวข้อง โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯประกอบไปด้วยตัวแทนจากภาครัฐ (ไม่คุมเสียงขาด) ตัวแทนจากผู้ร่วมลงทุน ตัวแทนจากหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดและเข้าใจในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี เช่นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้นโดยผลประโยชน์ที่ผู้ร่วมลงทุนจะได้รับได้แก่เงินปันผลจากกองทุน ส่วนต่างกำไรที่เอสเอ็มอีบางรายในกองทุนได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ กำไรส่วนเกินจากการที่เจ้าของเดิมของเอสเอ็มอีเดิมซื้อหุ้นคืน และมูลค่าเพิ่มขึ้นของกองทุนเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์
ที่มา เดลินิวส์
วันที่16 ธันวาคม 2557