ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงตามตลาดต่างชาติ

[brid.ladawan]

?ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงตามตลาดต่างชาติ?
เหตุกลุ่มธนาคารถูกลดน้ำหนักการลงทุน หลังกังวลเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า หนี้เสียสูง ประกอบแรงขายแอลทีเอฟกดดันเป็นระยะ แต่หุ้นพลังงานพลิกตัวท้ายตลาดได้

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงสอดคล้องทิศทางเดียวกันกับตลาดต่างประเทศ โดยปรับตัวลดลงระหว่างวันต่ำสุด 24.03 จุด อยู่ที่ 1,459.22 จุด และปิดตลาดที่ 1,477.58 จุด ลดลง 5.67 จุด หรือ 0.38%ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,746.72 ล้านบาท นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ถ่วงตลาด ประกอบกับแรงขายจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(แอลทีเอฟ)ครบกำหนดไถ่ถอนอายุ 5 ปี

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็กจำกัด กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลงแรง ประเมินว่ามาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เครดิต สวิส(ประเทศไทย)ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของไทยลง และปรับลดคาดการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงจาก 4.50%เหลือเพียง 3.70%ซึ่งคาดว่ามาจากความกังวลการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอนพีแอล)อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทผู้ประกอบเอสเอ็มอี จึงทำให้ธนาคารกสิกรไทย ที่มีสัดส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีค่อนข้างมากได้รับผลกระทบที่สุดในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่ครบกำหนดไถ่ถอนอายุ 5 ปี อาจมีบางส่วนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารจึงเผชิญแรงขายทำกำไรได้เป็นระยะ

ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันตามตลาดต่างประเทศปรับตัวลงแรง หลังจากมีความกังวลด้านราคาน้ำมันเข้ากดดัน แต่ในช่วงท้ายตลาด สามารถพลิกกลับมายืนได้ในแดนบวก ซึ่งคาดว่ามาจากแรงซื้อเก็งกำไรเพิ่มมากขึ้น เพราะหากราคาปรับตัวลดลงมากกว่านี้ จะส่งผลกระทบกับกำไรต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวลดลงต่ออีกระยะหนึ่ง แต่ประเมินว่าจะเคลื่อนไหวในระดับต่ำ เนื่องจากราคาในปัจจุบันเริ่มอยู่ในระดับใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิตของหลายประเทศแล้ว

ทั้งนี้บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เคเคเทรด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาคจากความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้นักลงทุนเทขายทำกำไร ทั้งในตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับลดลง 3-4%ดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐปรับลดลงกว่า331จุด หรือ1.8%

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 6มกราคม 2558