IoT จะเปลี่ยนแนวคิดสังคม-เศรษฐกิจดิจิตอล
Posted: 14 Jan 2015, 13:14
?IoT จะเปลี่ยนแนวคิดสังคม-เศรษฐกิจดิจิตอล?
ในนงาน CES 2015 จัดเป็นประจำทุกปีที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นงานที่บริษัทต่าง ๆ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ และมีเวทีแสงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ในนงาน CES 2015 จัดเป็นประจำทุกปีที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นงานที่บริษัทต่าง ๆ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ และมีเวทีแสงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้เลือกฟังตามหัวข้อที่สนใจกันทั้งวัน
แต่ละห้อง จะจำกัดจำนวนผู้เข้าฟัง จะเห็นผู้คนเข้าคิวกันยาวเหยียด โดยเฉพาะห้องที่มีซีอีโอคนดัง ๆ เช่น ซีอีโอจากซัมซุง
นาย บี เค ยุน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ได้ขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ของซัมซุง ในงาน 2015 International Consumer Electronics Show (CES)
ซีอีโอซัมซุง กล่าวว่า การเปิดกว้างและความร่วมมือกันระหว่างอุตสาหกรรม ต่าง ๆ นั้น เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการพัฒนาแนวคิด อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ หรือ Internet of Things แต่ในวงการไอทีจะเขียนโดยใช้สัญลักษณ์ตัวอักษรสามตัวนี้ คือ IoT
“อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ นั้นเป็นแนวคิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงทั้งสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของผู้คนได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซัมซุง ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว”
ต้องพัฒนา โดยใช้ผู้บริโภคเป็นศูนย์ กลาง และต้องมีความเหมาะสมกับวิถีชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง
ซีอีโอซัมซุง เน้นว่า “แนวคิดอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แต่มันเกี่ยวข้องกับผู้คน (The Internet of Things is not about ‘things.’ Instead, it is about people) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พวกเขาเลือกใช้งาน และต้องสามารถปรับเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตของผู้บริโภคแต่ละคนได้
นาย บี เค ยุน ได้ประกาศเป้าหมายของซัมซุง สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดให้รองรับนวัตกรรมต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดดังกล่าวนี้ โดยทีวีซัมซุงทุกรุ่นจะต้องมีคุณสมบัติที่ สอดรับกับแนวคิด อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ ภายในปี ค.ศ. 2017 และภายใน 5 ปีนับจากนี้เป็นต้นไป ฮาร์ดแวร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ของซัมซุงจะต้องมีความสอดคล้องกับแนวคิด ดังกล่าว เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่มากขึ้นในการเลือกใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นตามแนวคิดนี้
ปีนี้ซัมซุงจะลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ภายนอกองค์กร เพื่อเพิ่มจำนวนหรือขยายขีดความสามารถของอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่าง ๆ รองรับอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์
อุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ผลิตขึ้น จะต้องทำงานและเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออุปกรณ์อื่นอยู่เสมอ (“always on” and “always connected”) เซ็นเซอร์ที่ มีความทันสมัยและมีความแม่นยำสูงจึงเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในขณะเดียว กันนั้น เซ็นเซอร์เหล่านี้ต้องเอื้อต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้มีขนาดที่เล็กและใช้พลังงานในการทำงานน้อยลงอีกด้วย
เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ล่าสุดของซัมซุงมีความแม่นยำสูงมาก สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมโดยรอบผู้ใช้งาน และนำเสนอบริการหรือโซลูชั่นที่เหมาะสมได้ ขณะนี้ ซัมซุง กำลังพัฒนาเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่สามารถตรวจ จับข้อมูลได้แบบ 3 มิติ เพื่อให้ตรวจจับการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยได้
หน่วยประมวลผล จะมีเทคโนโลยี ใหม่ เช่น embedded package on package (ePOP) และเทคโนโลยี Bio-Processor ประหยัดพลังงานมากขึ้น ขนาดเล็กลง เพื่อใช้เป็นหน่วยประมวลผลในอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์อัจฉริยะสวมใส่ได้
“การเพิ่มจำนวนหรือขยายขีดความสามารถของอุปกรณ์ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ตามแนวคิด Internet of Things นั้นถือเป็นขั้นแรกของการก้าวไปสู่ยุค Internet of Things ที่ผ่านมา ซัมซุงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้กว่า 665 ล้านชิ้น ในชีวิตประจำวันที่สามารถเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตามแนวคิด Internet of Things”
ภายในงาน จึงได้เห็นแบบจำลองการชีวิตภายในบ้าน ที่เชื่อมโยงกันทุกอุปกรณ์ ตั้งแต่ลืมตาตื่นไปจนถึงเข้านอน ที่ทุกอุปกรณ์คุยกันได้ แม้จะต่างยี่ห้อต่างระบบ แม้จะปิด ทีวี ก็ยังสามารถดูต่อบนหน้าจอมือถือ หรือเรียกรถที่จอดในโรงรถออกมาหาที่หน้าบ้าน แค่เปิดหน้าจอหลักในบ้าน จะเห็นทุกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านพูดคุยกัน และบริหารจัดการตามสภาพแวดล้อมภายในบ้าน โดยมีเซ็นเซอร์เป็นหัวใจหลัก ขับรถมาถึง บ้าน ประตูรั้วเปิดรอทันที แอร์รอทำความเย็นในอุณหภูมิที่เหมาะสม เครื่องชงกาแฟ น้ำกำลังร้อนได้ที่ แค่รอกดปุ่ม หน้าจอทีวีหรือคอมพิวเตอร์ มีสินค้าออนไลน์ รอให้คลิกสั่งซื้อ ฯลฯ
ชีวิตแสนสบาย แต่ต้องมีตังค์.
ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 14 มกราคม 2558
ในนงาน CES 2015 จัดเป็นประจำทุกปีที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นงานที่บริษัทต่าง ๆ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ และมีเวทีแสงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ในนงาน CES 2015 จัดเป็นประจำทุกปีที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นงานที่บริษัทต่าง ๆ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ และมีเวทีแสงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้เลือกฟังตามหัวข้อที่สนใจกันทั้งวัน
แต่ละห้อง จะจำกัดจำนวนผู้เข้าฟัง จะเห็นผู้คนเข้าคิวกันยาวเหยียด โดยเฉพาะห้องที่มีซีอีโอคนดัง ๆ เช่น ซีอีโอจากซัมซุง
นาย บี เค ยุน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ได้ขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ของซัมซุง ในงาน 2015 International Consumer Electronics Show (CES)
ซีอีโอซัมซุง กล่าวว่า การเปิดกว้างและความร่วมมือกันระหว่างอุตสาหกรรม ต่าง ๆ นั้น เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการพัฒนาแนวคิด อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ หรือ Internet of Things แต่ในวงการไอทีจะเขียนโดยใช้สัญลักษณ์ตัวอักษรสามตัวนี้ คือ IoT
“อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ นั้นเป็นแนวคิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงทั้งสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของผู้คนได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซัมซุง ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว”
ต้องพัฒนา โดยใช้ผู้บริโภคเป็นศูนย์ กลาง และต้องมีความเหมาะสมกับวิถีชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง
ซีอีโอซัมซุง เน้นว่า “แนวคิดอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แต่มันเกี่ยวข้องกับผู้คน (The Internet of Things is not about ‘things.’ Instead, it is about people) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พวกเขาเลือกใช้งาน และต้องสามารถปรับเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตของผู้บริโภคแต่ละคนได้
นาย บี เค ยุน ได้ประกาศเป้าหมายของซัมซุง สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดให้รองรับนวัตกรรมต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดดังกล่าวนี้ โดยทีวีซัมซุงทุกรุ่นจะต้องมีคุณสมบัติที่ สอดรับกับแนวคิด อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ ภายในปี ค.ศ. 2017 และภายใน 5 ปีนับจากนี้เป็นต้นไป ฮาร์ดแวร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ของซัมซุงจะต้องมีความสอดคล้องกับแนวคิด ดังกล่าว เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่มากขึ้นในการเลือกใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นตามแนวคิดนี้
ปีนี้ซัมซุงจะลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ภายนอกองค์กร เพื่อเพิ่มจำนวนหรือขยายขีดความสามารถของอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่าง ๆ รองรับอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์
อุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ผลิตขึ้น จะต้องทำงานและเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออุปกรณ์อื่นอยู่เสมอ (“always on” and “always connected”) เซ็นเซอร์ที่ มีความทันสมัยและมีความแม่นยำสูงจึงเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในขณะเดียว กันนั้น เซ็นเซอร์เหล่านี้ต้องเอื้อต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้มีขนาดที่เล็กและใช้พลังงานในการทำงานน้อยลงอีกด้วย
เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ล่าสุดของซัมซุงมีความแม่นยำสูงมาก สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมโดยรอบผู้ใช้งาน และนำเสนอบริการหรือโซลูชั่นที่เหมาะสมได้ ขณะนี้ ซัมซุง กำลังพัฒนาเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่สามารถตรวจ จับข้อมูลได้แบบ 3 มิติ เพื่อให้ตรวจจับการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยได้
หน่วยประมวลผล จะมีเทคโนโลยี ใหม่ เช่น embedded package on package (ePOP) และเทคโนโลยี Bio-Processor ประหยัดพลังงานมากขึ้น ขนาดเล็กลง เพื่อใช้เป็นหน่วยประมวลผลในอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์อัจฉริยะสวมใส่ได้
“การเพิ่มจำนวนหรือขยายขีดความสามารถของอุปกรณ์ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ตามแนวคิด Internet of Things นั้นถือเป็นขั้นแรกของการก้าวไปสู่ยุค Internet of Things ที่ผ่านมา ซัมซุงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้กว่า 665 ล้านชิ้น ในชีวิตประจำวันที่สามารถเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตามแนวคิด Internet of Things”
ภายในงาน จึงได้เห็นแบบจำลองการชีวิตภายในบ้าน ที่เชื่อมโยงกันทุกอุปกรณ์ ตั้งแต่ลืมตาตื่นไปจนถึงเข้านอน ที่ทุกอุปกรณ์คุยกันได้ แม้จะต่างยี่ห้อต่างระบบ แม้จะปิด ทีวี ก็ยังสามารถดูต่อบนหน้าจอมือถือ หรือเรียกรถที่จอดในโรงรถออกมาหาที่หน้าบ้าน แค่เปิดหน้าจอหลักในบ้าน จะเห็นทุกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านพูดคุยกัน และบริหารจัดการตามสภาพแวดล้อมภายในบ้าน โดยมีเซ็นเซอร์เป็นหัวใจหลัก ขับรถมาถึง บ้าน ประตูรั้วเปิดรอทันที แอร์รอทำความเย็นในอุณหภูมิที่เหมาะสม เครื่องชงกาแฟ น้ำกำลังร้อนได้ที่ แค่รอกดปุ่ม หน้าจอทีวีหรือคอมพิวเตอร์ มีสินค้าออนไลน์ รอให้คลิกสั่งซื้อ ฯลฯ
ชีวิตแสนสบาย แต่ต้องมีตังค์.
ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 14 มกราคม 2558